3 อัตราส่วนทางการเงินสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้: ROA, ROE และอัตรากำไรสุทธิ
3 อัตราส่วนทางการเงินสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้: ROA, ROE และอัตรากำไรสุทธิ
การลงทุนในหุ้นหรือธุรกิจใดๆ จำเป็นต้องอาศัยความรู้และการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน เพื่อประเมินความสามารถในการทำกำไรและประสิทธิภาพในการบริหารของบริษัท หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้ามก็คือ อัตราส่วนทางการเงิน ซึ่งช่วยให้เข้าใจภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
Pi Knowledge จะพาคุณไปรู้จักกับ 3 อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ที่นักลงทุนทุกคนควรรู้จักและใช้ในการวิเคราะห์เบื้องต้นก่อนตัดสินใจลงทุน
1. อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) — Return on Assets (%)
ROA คืออะไร?
Return on Asset (ROA) หรือ อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดประสิทธิภาพในการใช้ “สินทรัพย์” เพื่อสร้างกำไรสุทธิของบริษัท ยิ่งค่านี้ยิ่งสูง แสดงว่าบริษัทสามารถบริหารจัดการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สูตรการคำนวณ ROA
ROA (%) = (กำไรสุทธิ ÷ สินทรัพย์รวม) × 100
ถ้าจะซื้อหุ้น ควรมองหาหุ้นที่มี ROA สูงหรือต่ำ
- ถ้า ROA สูง = บริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ได้คุ้มค่า มีแนวโน้มว่าจะเป็นหุ้นที่น่าลงทุน
- ถ้า ROA ต่ำ = บริษัทอาจมีต้นทุนจมสูงหรือบริหารทรัพยากรไม่ดี มีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นหุ้นที่ไม่น่าลงทุน
2. อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) — Return on Equity (%)
ROE คืออะไร?
Return on Equity (ROE) หรือ อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดความสามารถของบริษัทในการสร้างผลกำไรจากเงินทุนของผู้ถือหุ้น ยิ่งค่านี้สูง ยิ่งแสดงถึงการบริหารที่มีประสิทธิภาพ
สูตรการคำนวณ ROE
ROE (%) = (กำไรสุทธิ ÷ ส่วนของผู้ถือหุ้น) × 100
ถ้าจะซื้อหุ้น ควรมองหาหุ้นที่มี ROE สูงหรือต่ำ
- ถ้า ROE สูง = บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้ดี มีแนวโน้มว่าจะเป็นหุ้นที่น่าลงทุน
- ถ้า ROE ต่ำ = บริษัทสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้ไม่ดี มีแนวโน้มว่าจะเป็นหุ้นที่ไม่น่าลงทุน
- ทั้งนี้ ควรเปรียบเทียบ ROE กับค่าเฉลี่ยหุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกัน หุ้นที่น่าลงทุน คือหุ้นที่มี ROE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
3. อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) (%)
Net Profit Margin คืออะไร?
อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) แสดงถึงกำไรสุทธิที่บริษัทเหลืออยู่หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด เทียบกับรายได้รวม ยิ่งมีอัตรากำไรสุทธิสูง แปลว่าบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรได้มาก และเป็นบริษัทที่มีศักยภาพน่าลงทุน
สูตรการคำนวณ Net Profit Margin
อัตรากำไรสุทธิ (%) = (กำไรสุทธิ ÷ รายได้รวม) × 100
ถ้าจะซื้อหุ้น ควรมองหาหุ้นที่มี Net Profit Margin สูงหรือต่ำ
- ถ้า Net Profit Margin สูง = บริษัทมีกำไรจริงต่อรายได้มาก มีแนวโน้มว่าจะเป็นหุ้นที่น่าลงทุน
- ถ้า Net Profit Margin ต่ำ = บริษัทมีกำไรจริงต่อรายได้น้อย มีแนวโน้มว่าจะเป็นหุ้นที่ไม่น่าลงทุน
- Net Profit Margin เป็นเครื่องมือที่ช่วยประเมินความสามารถในการควบคุมต้นทุนได้
การทำความเข้าใจ ROA, ROE และอัตรากำไรสุทธิ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการวิเคราะห์หุ้นหรือธุรกิจใดๆ ทั้งนี้ นักลงทุนควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ เช่น แนวโน้มอุตสาหกรรม ความเสี่ยง และแผนธุรกิจ เพื่อให้ได้มุมมองที่ครบถ้วน
ที่แอป Pi Financial มีอัตราส่วนทางการเงินครบถ้วน ที่ช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถลงทุนได้ทั้งใน หุ้นไทย และ หุ้นต่างประเทศ ครบ จบ ในแอปเดียว
คำเตือน
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน