TIDLOR (BUY : Fair Price : Bt 19.00) : เติบโตอย่างระมัดระวังต่อเนื่องในปี 2025
การปรับโครงสร้างเป็นบริษัท โฮลดิ้งส์ ทำให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวสูงขึ้น และจะไม่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดในการดำรงสัดส่วนเงินกู้ต่อทุนชำระแล้วไม่เกิน 7:1 เท่า ทำให้จ่ายเงินปันผลได้สูงขึ้น แม้จะมีความท้าทายด้านเศรษฐกิจที่สูงขึ้นทำให้การขยายสินเชื่อสูงยังมีข้อจำกัด และการควบคุมคุณภาพสินเชื่อยังคงเป็นนโยบายหลักต่อเนื่องในปี 2025 เรามองว่ากำไรสุทธิในปี 2025 เติบโตได้ดีต่อเนื่องที่ 12% หนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อ รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจประกันภัย และสำรองหนี้ฯ ลดลงจากการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น และคาดว่า ROE ปรับสูงขึ้น แนะนำ “ซื้อ” ประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 19.00 บาท คำนวณด้วยวิธี Gordon growth model (ROE 14.5%, Long term growth 5%) อิง 1.5x PBV’25E และ 11x PE’25E
**การประชุมนักวิเคราะห์ **
• ผู้บริหารเชื่อมั่นต่อทิศทางการดำเนินงานที่ดีขึ้น หลังจากในปี 2024 บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่งของงบดุล ควบคุมคุณภาพสินเชื่อ การติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น สำหรับในปี 2025 การบริหารความเสี่ยง และสร้างงบดุลแข็งแกร่งยังดำเนินต่อไปท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจสูงขึ้น มุมมองต่อธุรกิจในปี 2025 (1) สินเชื่อขยายตัวสูงขึ้น โดยสินเชื่อใน 2Q25 มีแนวโน้มเร่งตัวสูงขึ้นจากที่โตเพียง 0.8% QoQ (+4.6% YoY) ใน 1Q25 (2) คาดราคารถยนต์มือสองมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องถึงใน 3Q25 (3) Cost to income ratio ลดลงจาก 55.9% ในปี 2024 (4) NPL ratio ทรงตัวไม่เกิน 2% (5) Credit cost และ NPL Formation ต่ำกว่า 3% (6) ธุรกิจนายหน้าประกันภัยขยายตัวดีต่อเนื่อง ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมจะขยายตัวสูงกว่ารายได้ดอกเบี้ยจจากสินเชื่อ และ (7) ROE แนวโน้มสูงขึ้นจาก 14.4% ในปี 2024
• โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ส่งผลกระทบจำกัด โดยมีสินเชื่อเข้าโครงการต่ำกว่า 2% ของสินเชื่อรวม โดยมองว่าผลกระทบจากโครงการเป็นเชิงบวกที่จะเกิดขึ้นใน 2Q25
บริษัท โฮลดิ้งส์ ทำให้การบริหารงานคล่องตัวสูงขึ้น
• การปรับโครงสร้างธุรกิจสำเร็จตามแผน TIDLOR จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 15 พ.ค. ขณะที่หลักทรัพย์ เงินติดล้อ (NTL) จะถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในวันเดียวกัน การปรับโครงสร้างส่งผลบวก (1) การบริหารงานมีความคล่องตัวสูงขึ้น ประสิทธิภาพในการบริหารงานสูงขึ้นเพื่อรองรับการประกอบธุรกิจของแต่ละกลุ่มธุรกิจที่มีลักษณะแตกต่างกันในอนาคต และ (2) การบริหารเงินทุนมีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามที่กำหนดไว้ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผล เพราะบริษัท โฮลดิ้งส์ไม่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดในการดำรงสัดส่วนเงินกู้ต่อทุนชำระแล้วไม่เกิน 7:1 เท่า
• คาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2025 ปรับสูงขึ้น 12% YoY หนุนจาก (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นล้อกับการขยายสินเชื่อ (2) รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น และ (3) สำรองหนี้ฯ ลดลง และคาด ROE แนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเป็น 14.7% (2024: 14.4%) โดยคาดการจ่ายเงินปันผลที่ 0.49 บาท/หุ้น ในปี 2025 บนสมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผล (Payout ratio) ที่ 30%