TACC (BUY : Fair Price : Bt 7.00) : แนวโน้ม 2Q24 ยังดูดีเพราะเป็นฤดูร้อน

Published
12 June 2024
Share this article:

ภาพรวมของ TACC เราคาดว่าผลประกอบการยังคงยืนในระดับสูงได้ต่อในช่วง 2Q24 จากผลดีของช่วงฤดูร้อนในเดือน เม.ย.-พ.ค. ขณะที่ผลกระทบจากต้นทุนกาแฟและน้ำตาลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทางบริษัทแจ้งว่าผลกระทบมีไม่มากนักเพราะต้นทุนส่วนอื่นอย่างเช่นนมผงและครีมเทียมปรับตัวลดลง โดยจะเห็นผลกระทบในช่วง 2H24 เป็นต้นไป สำหรับระยะยาวบริษัทมองหาการเพิ่มรายได้จากกลุ่มนอกเหนือ 7-11 เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิง 7-11 ผ่านทางการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นเช่นการเข้าสู่ธุรกิจอาหารเสริม ธุรกิจลิขสิทธิ์ตัวละครหรือร้านกาแฟอื่นเป็นต้น เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิมเพราะยังมีปัจจัยบวกเรื่องผลประกอบการ 2Q24 ที่ยังดูดีและเงินปันผลที่คาดว่าจะยังสูงได้ถึงระดับ 7-8% ต่อปี

**2Q24 ฤดูร้อนทำให้ผลประกอบการยังดูดี **

• หลังจากผลประกอบการในช่วง 1Q24 มีกำไรสุทธิสูงถึง 61 ล้านบาท เราคาดว่าผลประกอบการช่วง 2Q24 กำไรสุทธิยังคงอยู่ในระดับสูงได้ต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากสภาพอากาศที่ร้อนในเดือน เม.ย.-พ.ค. และการออกสินค้าใหม่อย่างเครื่องดื่มรสโยเกิร์ตที่ได้รับผลตอบรับอย่างดี ส่วนผลกระทบจากต้นทุนกาแฟและน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะไม่มากนักเพราะต้นทุนอื่นเช่นมผงและครีมเทียมปรับตัวลดลง รวมถึงการปรับปรุงการผลิตเข้ามาชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้

• นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจอาหารเสริมมีการเปิดตัวสินค้าในกลุ่ม Skincare ในเดือน มี.ค. และการปรับปรุงสินค้ากลุ่ม Jelly ที่มีการปรับสูตรสินค้าใหม่เพิ่มเติมในเดือน เม.ย. จะเป็นอีกปัจจัยที่หนุนรายได้ในช่วง 2Q24 ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

**อนาคตมีแผนลดการพึ่งพิง 7-11 ลง **

สัดส่วนรายได้ของ TACC ณ สิ้น 1Q24 แบ่งเป็นรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ 7-11 (B2B) อยู่ที่ 92% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโถกดเครื่องดื่มประมาณ 2/3 ส่วนที่เหลือเป็นผงเครื่องดื่มกลุ่มที่ไม่ใช่กาแฟในร้าน All Café ขณะที่รายได้จากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับ 7-11 (B2C) มีสัดส่วนอยู่ที่ 8% ซึ่งแบ่งได้เป็นรายได้ในกลุ่มร้านกาแฟได้แก่ร้านกาแฟพันธ์ไทย ร้าน Jungle café ร้าน Black Canyon ร้าน ARABITIA และร้าน 7-11 ในต่างประเทศที่กัมพูชาและลาว รายได้กลุ่มลิขสิทธิ์สินค้าเช่น San-X หมาจ๋า Belly Gom เป็นต้น และรายได้จากธุรกิจอาหารเสริม ทั้งนี้ในอนาคตอีก 5 ปีทาง TACC มีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม B2C ให้เป็น 20% เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิง 7-11 ลง

**แนะนำ “ซื้อ” เพราะปันผลยังดี **

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 7.0 บาท (18XPER’24E อิงกับระดับ PER ย้อนหลัง 5 ปี) มีปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่คาดว่าในช่วง 2Q24 ยังยืนในระดับสูงได้ต่อเนื่องจาก 1Q24 รวมถึงผลตอบแทนเงินปันผลที่คาดว่าทั้งปีจะยังอยู่ในระดับ 7-8% ได้ อย่างไรก็ตามปัจจัยที่กดดันราคาหุ้นคือการประกาศขายหุ้นซื้อคืนจำนวน 8 ล้านหุ้น ที่ทางบริษัทประกาศขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ระหว่างวันที่ 17 พ.ค. 24- 19 พ.ค. 25 ทั้งนี้จากการสอบถามบริษัทเบื้องต้นมีแผนขายจริงแต่อาจจะไม่จำเป็นต้องขายภายใน 1 ปีนี้ และในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนนโยบายเป็นลดทุนแทนได้