STEC (BUY : Fair Price : Bt 11.70) : 2Q24 ค่าใช้จ่ายเพิ่มมาอีกแล้ว
เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” ในรูปแบบเก็งกำไรตามการเปิดประมูลงานใหม่ของภาครัฐ เช่นเดิม เนื่องจากผลประกอบการงวด 2Q24 คาดว่ากำไรสุทธิจะลดลงจากปีก่อนหลังจากมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมพื้นผิวจราจรเข้ามาเหมือน 2Q23 รวมถึงผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 1Q24 เพราะเป็นช่วง Low Seasons ของธุรกิจ แม้ว่าในแง่รายได้คาดว่าจะเติบโตได้อย่างมากหลังจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้มีความคืบหน้ามากขึ้นหลัง ทั้งนี้แนวโน้มในช่วง 2H24 หากไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษอีกคาดว่าจะเห็นกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นได้ โดยกำไรทั้งปีที่เราประเมินไว้ที่ 410 ล้านบาทอาจจะเป็นระดับที่สูงเกินไป ทำให้เราอาจจะมีการปรับกำไรทั้งปีลง
2Q24 คาดกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท (-35%YoY,+740%QoQ)
• เราคาดว่าผลประกอบการงวด 2Q24 จะมีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท (-35%YoY,+740%QoQ) เทียบกับปีก่อนลดลงสาเหตุหลักเพราะผลขาดทุนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูที่เพิ่มขึ้น ส่วนเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้นสาเหตุหลักเพราะมีรายได้เงินปันผลเข้ามากว่า 203 ล้านบาท และรายได้ที่เติบโตมากหลังงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้มีความคืบหน้ามากขึ้น แต่โดนกดดันจากค่าใช้จ่ายในการซ่อมพื้นผิวถนนเข้ามาเพิ่มมากกว่า 100 ล้านบาท (2Q23 มีค่าใช้จ่ายรูปแบบนี้เช่นกัน)
• รายได้หลักรวมคาดที่ 8,114 ล้านบาท (+12%YoY,+25%QoQ) โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากจากธุรกิจก่อสร้างที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้เริ่มเข้าสู่ช่วงของการขุดเจาะทำให้มีความคืบหน้าของงานมากขึ้น
• กำไรขั้นต้นคาดที่ 3.8% ดีขึ้นจาก 2.1% ใน 2Q23 แม้จะมีค่าใช้จ่ายจากการซ่อมบำรุงเพิ่มเข้ามาเหมือนกันประมาณ 100 ล้านบาท เพราะมีรายได้จากโครงการที่มีกำไรขั้นสูงมากขึ้น แต่ลดลงจาก 5.9% ใน 1Q24 เพราะค่าใช้จ่ายดังกล่าวและการไม่มีเงินประกันเข้ามา ด้านค่าใช้จ่ายในการบริหารคาดที่ 235 ล้านบาท (+9%YoY,+19%QoQ) รวมแล้ว STEC มีกำไรจากการดำเนินงาน 77 ล้านบาท ดีขึ้นจากที่ขาดทุน 60 ล้านบาทใน 2Q23 แต่ลดลง 58%QoQ
• ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม 168 ล้านบาท จากที่รับรู้กำไร 36 ล้านบาทใน 2Q23 และเพิ่มขึ้น 15%QoQ เพราะโครงการสายสีเหลืองประสบอุบัติเหตุทำให้ต้องมีการปรับการเดินรถ จนทำให้ผู้โดยสารลดลงกว่า 18%QoQ
**รายได้ยังดี แต่ที่ต้องติดตามคือค่าใช้จ่ายจะมีพิเศษอีกหรือไม่ **
แนวโน้มรายได้ในช่วง 2H24 คาดว่าจะยังสูงในระดับเดียวกับ 2Q24 ได้หลังจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้มีความคืบหน้ามากขึ้น รวมถึงโครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงของ ขณะที่การรับงานใหม่ในอนาคตเราคาดว่า STEC มีโอกาสได้งานกลุ่มรถไฟทางคู่และรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่มีแนวโน้มเปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้ ส่วนโครงการสนามบินอู่ตะเภาที่มีงานรอเซ็นสัญญากว่า 27,000 ล้านบาทคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงต้นปี 25 เป็นต้นไป
กำไรปี 24 มีความเสี่ยงที่จะไปไม่ถึง แต่ยังแนะนำ “ซื้อ”
กำไรสุทธิทั้งปีที่เราประเมินไว้ล่าสุดที่ 410 ล้านบาท (-22%YoY) อาจจะมีความเสี่ยงว่าจะไปไม่ถึง หากกำไรสุทธิในช่วง 2Q24 ออกมาตามคาดจะทำให้กำไรสุทธิช่วง 1H24 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 27% โดยเราอาจจะมีการปรับหลังการประกาศงบการเงินอีกที
คำแนะนำการลงทุน ด้วยการเปิดประมูลโครงการของภาครัฐที่จะเป็นผลดีกับ STEC เราจึงแนะนำ “ซื้อ” เก็งกำไรตามประเด็นดังกล่าวเท่านั้น และประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 11.7 บาท (1XPBV’24E)