SCB (HOLD : Fair Price : Bt 122.00) : เงินปันผลสูงลดผันผวนของราคาหุ้น
**คงคำแนะนำ "ถือ" มูลค่าพื้นฐาน 122 บาท (เดิม 129 บาท) คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 8.5%, TG 2%) อิงจาก 0.83x PBV’25E หรือ -0.75SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปี แม้ SCB มั่นใจว่าการใช้กลยุทธ์ควบคุมค่าใช้จ่ายจะช่วยเพื่อลดผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้ แต่เรามองว่าแนวโน้มการเติบโตมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอก และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มจะกดดัน NIM อ่อนตัวลงมากกว่าคาดได้ เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลง 5%/7% ในปี 2025-26 ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2025 จะปรับลดลง 3.4% ก่อนที่จะกลับมาเติบโต 2.5% ในปี 2026 ทั้งนี้ แม้คาดกำไรในปี 2025 มีแนวโน้มลดลง แต่ SCB มีความน่าสนใจที่อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ราว 9% ลดผลกระทบความผันผวนของราคา ด้านผลการดำเนินงานใน 1Q25 กำไรสุทธิแข็งแกร่งที่ 12.5 พันลบ. (+10.8% YoY, +6.8% QoQ) ด้าน NPL ratio เพิ่มเป็น 3.4% และ Coverage ratio ลดลงที่ 156% **
การประชุมนักวิเคราะห์
• ปรับลดการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2025 ลงเหลือ 1.5% จาก 2.4% ผลกระทบจากการเพิ่มภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะกดดันการส่งออกไทยชะลอตัว และการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยคาดว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก 3 ครั้ง ในปี 2025 โดยมองว่าไทยจะได้รับผลกระทบค่อนข้างสูงจากการเพิ่มภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เพราะไทยเกินดุลการค้าสหรัฐฯ สูงเป็นลำดับที่ 11
• SCB ใช้กลยุทธ์ควบคุมต้นทุนเพื่อลดผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แม้เป้าหมายการเงินปี 2025 มีความท้าทาย แต่มองว่าจะสามารถจัดการให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ (1) หากปรับลดดอกเบี้ยลง 75 bps (3 ครั้ง) จะส่งผลให้ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลงราว 10 bps ดังนั้น NIM จะอยู่ในกรอบ 3.6-3.8% (2) รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเติบโตในกรอบล่างของ 2-4% (4) Cost to income ratio ควบคุมอยู่ในกรอบล่างของ 42-44% จากการควบคุมค่าใช้จ่าย และ (5) Credit costs อยู่กรอบบนของ 150-170 bps และมองว่าการเพิ่มสำรองหนี้ฯ พิเศษ (Management overlay) ราว 700 ลบ ใน 1Q25 เพียงพอรองรับเศรษฐกิจไทยที่จะเติบโตเพียง 1.5% ในปี 2025
• โครงสร้าง “คุณสู้ เราช่วย” มีสินเชื่อที่เข้าโครงการราว 40-50 พันลบ. ดังนั้น โครงการนี้จะกระทบ NIM ขณะที่ผลบวกจาก Credit cost ที่ลดลงจากคุณภาพสินเชื่อดีขึ้นอาจได้รับผลบวกช้ากว่า
ปรับการเติบโตกำไรลงจาก NIM อ่อนตัว และสำรองหนี้ฯ เพิ่ม
• เราปรับลดกำไรสุทธิลง 5%/7% ในปี 2025-26 จาก (1) ปรับลด NIM ลง 15/20 bps เหลือ 3.65%/3.56% ในปี 2025-26 และ (2) ปรับเพิ่ม Credit cost เป็น 170 bps (เดิม 160 bps) ในปี 2025 และ 160 bps (เดิม 160 bps) ในปี 2026
• คาดกำไรสุทธิจะปรับลดลง 3.4% ในปี 2025 และกลับมาเติบโต 2.5% ในปี 2026 โดยมองว่า ROE ลดลงที่ 8.6%/8.7% ในปี 2025-26
• ด้วยเงินกองทุนระดับสูง คาด SCB สามารถจ่ายเงินปันผลระดับสูงบนสมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 80% ของกำไรสุทธิในปี 2025 ดังนั้น คาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 9% ในปี 2025