SAWAD (BUY : Fair Price : Bt 23.50) : Valuation ถูก คาดกำไรฟื้นตัวใน 2Q25

Published
Share this article:

ปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จาก “ถือ” มูลค่าพื้นฐานที่ 23.50 บาท คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 14%, TG 3%) อิงจาก 1.1x PBV’25E และ 8.1x PE’25E เรามองว่า (1) Valuation น่าสนใจมากขึ้น ซื้อขายที่ 0.9x PBV’25E และ 6.6x PE’25E สะท้อนความกังวลต่อผลการดำเนินงานที่อ่อนแอใน 1Q25 ไปมากพอสมควรแล้ว ราคาหุ้นปรับลดลง 22% หลังรายงานผลการดำเนินงานใน 1Q25 และลดลง 54% YTD (2) คาดผลตอบแทนเงินปันผลที่ 6.1% ในปี 2025 จากที่ SAWAD มีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลสูงขึ้น และไม่จ่ายหุ้นปันผลในปี 2025 (3) คาดกำไรใน 2Q25 แนวโน้มเพิ่มขึ้น QoQ และมองว่ากำไรใน 1Q เป็นระดับต่ำสุดของปี 2025 และ (4) การควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น และแนวโน้มการขาดทุนรถยึดลดลง หลังจากการผ่านกระบวนการทำ Balance sheet cleanup อย่างต่อเนื่องหลายไตรมาส

**Valuation ไม่แพง และผลตอบแทนเงินปันผลสูงขึ้น **

• ราคาหุ้นปรับลดลง 22% หลังประกาศผลการดำเนินงานใน 1Q25 ที่อ่อนแอกว่าเราและตลาดคาดการณ์ SAWAD ซื้อขายที่ระดับราคาต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2015 ที่ 0.9x PBV’25E (เทียบค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 2.8x) และ 6.6x PE’25E (เทียบค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 15.3x) สะท้อนความผิดหวังต่อผลการดำเนินงานใน 1Q25 ไปมากแล้ว และถึงแม้ผลการดำเนินงานอาจยังไม่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง แต่แนวโน้มจะดีขึ้นใน 2Q-4Q25

• ผู้บริหารมั่นใจสภาพคล่องส่วนเกินมากพอนำมาชำระคืนหุ้นกู้จากเงินสดกว่า 7 พันลบ. กอปรกับสินเชื่อเติบโตอย่างระมัดระวัง และราคาหุ้นปรับลดลง ทำให้ในปี 2025 SAWAD แนวโน้มการจ่ายเงินปันผลสูงขึ้นระดับ 30-50% โดยเราคาดจะจ่ายที่ 40% ของกำไรสุทธิ ดังนั้น คาดหวังผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ 6.1%

คาดกำไรสุทธิฟื้นตัว QoQ และควบคุมหนี้เสียดีขึ้น

• คาดกำไรสุทธิใน 2Q25 จะฟื้นตัว QoQ จาก 1.1 พันลบ. ใน 1Q อย่างไรก็ดี กำไรอาจยังปรับลดลง YoY เทียบกับ 1.27 พันลบ. ใน 2Q24 โดยกำไรฟื้นตัว QoQ จาก (1) สินเชื่อรวมที่แนวโน้มทรงตัว หรือเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อจำนำทะเบียน และจำนำที่ดินเป็นหลัก (2) NIM ทรงตัว หรือปรับสูงขึ้นล้อกับสินเชื่อฟื้นตัว และต้นทุนการเงินปรับลดลง หลังจาก ฟิทช์เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ปรับเรตติ้ง National Long-Term Rating เป็น A- (tha) จากเดิม BBB+ ช่วยลดภาระต้นทุนการเงิน และ (3) การขาดทุนรถยึดลดลงจากกระบวนการควบคุมคุณภาพสินเชื่อต่อเนื่อง ส่งผลให้ Cost to income ratio ปรับลดลง

• หนี้เสียแนวโน้มทรงตัวใน 2Q25 จากการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ และการปรับลด Loan to value ลดลง

• เราคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของกำไรใน 2H25 เทียบกับใน 1H25 แต่กำไรในปี 2025 จะปรับลดลงราว 5% เพราะฐานกำไรที่ต่ำใน 1Q25 และคาดกำไรจะกลัมมาขยายตัวได้ในปี 2026

• เรามองว่าการเน้นควบคุมคุณภาพสินเชื่อ และการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีนำไปสู่การฟื้นตัวของธุรกิจแข็งแกร่งขึ้น และจำกัดความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ยังเปาะบาง