HMPRO (BUY : Fair Price : Bt 11.00) : สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย

Published
Share this article:

**เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 11.00 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขาย น่าดึงดูดเพียง 16xPE’25E หรือ -2SD ของค่าเฉลี่ยการซื้อขายในรอบ 5ปี แม้ว่าแนวโน้ม SSSG ช่วง 2Q25 ยังไม่สดใสนัก เนื่องจากผลกระทบจากสภาพอากาศและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัว รวมถึงความต้องการที่ชะลอตัวหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่วนการซ่อมแซมอาคารสูงยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการรอประกันและคาดว่าจะทยอยค่อยๆ เข้ามาช่วง 3Q25 อย่างไรก็ตามเราคาดว่าโครงการซื้อหุ้นคืนสัดส่วน 6% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหรือไม่เกิน 800 ล้านหุ้น ระหว่าง 1 เม.ย. - 30 ก.ย. 2025 จะช่วยจำกัด Downside ระยะสั้นได้ **

**แผนการเติบโตและแนวโน้มในปี2025 **

• บริษัทยังคงเน้นการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและปรับปรุงสินค้าภายในร้าน รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในทุกๆส่วนงาน

• ปี2025 มีแผนเปิด 12 สาขา รวมเป็น 148 สาขา ทั้ง Hybrid store และสาขาในทำเลใหม่ โดยเริ่มเปิดสาขาในช่วง 2Q25 HomePro (Hybrid store) 1 สาขาที่บ่อวิน และมีแผนเปิด 4 สาขาทำเลใหม่ (HomePro 1 สาขา Mega Home 1 สาขา และ HomePro กับ Mega Home ในทำเลเดียวกัน 1 ที่) และ 7 สาขา รูปแบบ Hybrid ในช่วง 2H25 Hybrid store แบ่งเป็น HomePro 4 สาขา และ Mega Home 3 สาขา

• *การขยายสาขา Hybrid store มีต้นทุนการขยายสาขาที่ต่ำกว่า และมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว (งบลงทุนสาขาใหม่อยู่ที่ราว 400 ล้านบาท/สาขา ขณะที่การขยายสาขารูปแบบ Hybrid store จะมีงบลงทุนราว 80-200 ล้านบาท/สาขา)

• การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ HomePro เดือน เม.ย. 2025 อยู่ที่ราว -10% เทียบกับช่วง 1Q25 ที่ -3.3% ผลจากยอดขายเครื่องปรับอากาศที่ลดลงจากสภาพอากาศที่ไม่ร้อนเท่าปีก่อน (คิดเป็นผลกระทบต่อ SSSG ราว 5% เนื่องจากยอดขายเครื่องปรับอากาศคิดเป็นราว 10% ของยอดขายรวม) ขณะที่ SSSG ของ Mega Home เดือน เม.ย. 2025 ที่ -4% เทียบกับช่วง 1Q25 ที่ +0.2% ผลจากการลดการขายสายไฟที่ไม่ได้ตามมาตรฐาน และยอดขายสุขภัณฑ์ที่ลดลงตามภาวะกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัว ส่วน SSSG ของ HomePro Malaysia เดือน เม.ย. 2025 -18% เทียบกับ -2.8% ใน 1Q25

**คาดแนวโน้มกำไร 2Q25 **

• คาดแนวโน้มกำไร 2Q25 ลดลง YoY และ QoQ ตาม SSSG ที่มีแนวโน้มติดลบมากขึ้นจาก 1Q25 โดยเราคาดเห็น SSSG ติดลบลดลงในเดือน มิ.ย. 2025 จากผลกระทบของสภาพอากาศที่น้อยลง

• ระยะสั้นยังคาดปัจจัยหนุนเนื่องจากสาขาในเมืองท่องเที่ยวที่เคยเติบโตดีในช่วงที่ผ่านมาพลิกมาติดลบในเดือน เม.ย. 2025 ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่เติบโต

• รายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 1.7 พันล้านบาท (ทรงตัว YoY, -1%QoQ) ผลกระทบจากดอกเบี้ยจ่ายและยอดขายที่ลดลงเล็กน้อย แม้ว่า EBIT margin จะขยายตัวเล็กน้อย YoY ผลจากการค่าใช้จ่ายควบคุมได้ดีเนื่องจาก Hybrid store ที่ทยอยเห็นผล และค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวลดลง

คำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าน่าดึงดูด

มูลค่าพื้นฐาน 11.00 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสงินสด (DCF) ด้วย WACC 8.1% และ TG 1.5% เทียบเท่า 22xPE’25E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านของไทย