CK (BUY : Fair Price : Bt 21.40) : 2Q25 กำไรดีจาก FX
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีปัจจัยบวกจากการที่ CK มี Backlog กว่า 190,000 ล้านบาท ทำให้แม้ว่านับตั้งแต่ต้นปีจะยังไม่มีการเซ็นสัญญางานใหม่เข้ามาเพิ่ม จะยังเห็นการเติบโตของรายได้อีก 1-2 ปี และจำกผลประกอบการงวด 2Q25 ที่ออกมาดีโดยเฉพาะรายได้ที่ยังสูงกว่า 10,000 ล้านบาท ทำให้เราปรับรายได้ทั้งปีขึ้นจากเดิม 9% มาอยู่ที่ 43,389 ล้านบาท และประเมินกำไรสุทธิได้ใหม่ที่ 1,840 ล้านบาท (+27%YoY) สำหรับผลประกอบการงวด 2Q25 มีกำไรสุทธิ 863 ล้านบาท (+77%YoY,+206%QoQ) เติบโตดีจากผลดีของการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนผ่านการถือหุ้นใน CKP และ โครงการหลวงพระบาง
**2Q25 กำไรสุทธิ 863 ล้านบาท (+77%YoY,+206%QoQ) **
• CK มีกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 863 ล้านบาท (+77%YoY,+206%QoQ) เติบโตมากจากรายได้และกำไรขั้นต้น รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งจากผลประกอบการของ CKP เองที่ดีขึ้นและเงินลงทุนในโครงการหลวงพระบางที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามากว่า 100 ล้านบาท อีกปัจจัยที่หนุนกำไรโตจาก 1Q25 คือเงินปันผลรับจาก TTW ที่รับรู้มากว่า 232 ล้านบาท
• รายได้ที่ 10,730 ล้านบาท (+17%YoY,-10%QoQ) เทียบกับปปีก่อนเกิดจากรายได้โครงการสายสีส้มที่เริ่มเข้ามาตั้งแต่ปลายปี 24 ส่วนเทียบกับ 1Q25 ลดลงเพราะงานระบบสายสีส้มที่รับรู้ลดลง
• กำไรขั้นต้นที่ 7.9% ดีขึ้นจาก 7.2% ใน 2Q24 และ 7.7% ใน 1Q25 เกิดจากงานใหม่มีกำไรขั้นต้นที่สูงมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ 534 ล้านบาท (-2%YoY,-4%QoQ) รวมแล้ว CK มีกำไรจากการดำเนินงาน 309 ล้านบาท (+172%YoY,-15%QoQ)
• ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ 594 ล้านบาท (+74%YoY, +123%QoQ) สาเหตุหลักเกิดจากโครงการหลวงพระบางมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามากว่า 650 ล้านบาท ทำให้ CKP ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 50% (CK ถือหุ้น CKP 30%) และ CK ที่ถือหุ้น 20% มีส่วนแบ่งเข้ามามากขึ้น
**งานใหม่ปีนี้ ต้องรอไปก่อน **
การเซ็นสัญญางานใหม่นับตั้งแต่ต้นปียังไม่มีเข้ามาแต่อย่างใด โดย CK ยังมีมุมมองเชิงบวกว่าในช่วงปลายปีจะมีการเปิดประมูลโครงการใหม่อย่างน้อย 2-3 โครงการของภาครัฐฯ เช่นรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยายรังสิต-มธ. หรืองานมอเตอร์เวย์ M5 มูลค่ารวมประมาณ 29,000 ล้านบาทเป็นต้น ส่วนงานจากบริษัทในกลุ่มคาดว่าจะเซ็นสัญญาโครงการ Double Deck ได้ในช่วงปลายปีนี้ (มูลค่าประมาณ 35,000 ล้านบาท)
ส่วนการขายหุ้นโครงการหลวงพระบางในสัดส่วน 10% จากที่ถือ 20%คาดว่าจะเกิดในช่วงปลาย 3Q-ต้น 4Q25 และจะทำให้ CK มีการรับรู้กำไรเข้ามา 2 รายการคือ กำไรจากการขายเงินลงทุนและกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการถือหุ้น มูลค่าก่อนภาษีประมาณ 700-800 ล้านบาท
**ปรับกำไรทั้งปีขึ้น และยังคงแนะนำ “ซื้อ” **
จากรายได้ในช่วง 1H25 สูงถึง 22,600 ล้านบาท ทำให้เราปรับรายได้ทั้งปีขึ้นจากเดิม 9% มาอยู่ที่ 43,389 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิขึ้นเป็น 1,840 ล้านบาท (+27%YoY) เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิมจากฐาน Backlog ที่มีกว่า 190,000 ล้านบาท ที่จะรองรับรายได้ไปอีก 1-2 ปี โดยไม่มีงานใหม่ และประเมินมูลค่าเหมาะสมใหม่ที่ 21.4 บาท (1.3XPBV’25E)