BANKING (NEUTRAL : TOP PICK : KTB, TCAP) : สู่ยุคการเติบโตปานกลาง
เราคาดผลกำไรสุทธิรวมของธนาคาร 9 แห่งใน 3Q24 ที่ 54.9 พันล้านบาท (+3.0% YoY, -2.5% QoQ) และกำไรสุทธิรวมใน 9M24 ที่ 168.3 พันล้านบาท (+4.7% YoY) เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวเปาะบางกดดันการขยายตัวสินเชื่อ ธนาคารยังต้องควบคุมคุณภาพสินเชื่อเพื่อลดต้นทุนความเสี่ยง ขณะที่อานิสงส์จากเม็ดเงินใหม่จากการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (VAYU 1) ช่วยปลุกธุรกิจตลาดทุนฟื้นตัวหนุนรายได้ค่าธรรมเนียมและพอร์ตลงทุนมีผลตอบแทนดีขึ้น ด้านคุณภาพสินเชื่อแม้จะอ่อนแอลง แต่อยู่ในระดับที่ธนาคารดูแลได้ตามเป้าหมาย ภายใต้การขยายตัวเศรษฐกิจที่จำกัด เรามองว่าธนาคารเข้าสู่ยุคการเติบโตของกำไรสุทธิระดับปานกลางที่ 4.8%/4.5%/5.6% ในปี 2024-2026 (2023: +18.9%) ขณะที่ ROE ค่อนข้างทรงตัวที่ 8.9-9.0% ในปี 2024-26 ด้าน SETBANK ปรับขึ้นโดดเด่น 12.7% QoQ ใน 3Q24 ทำให้ราคาหุ้นธนาคารพักตัวระยะสั้น แต่เรามองว่าการลงทุนในระยะยาว Valuation ยังไม่แพง กลุ่มธนาคารซื้อขายที่ 0.65x PBV’25E หรือราว -1.0SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ 5.6%-6.1% ในปี 2024-26 เราคงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" เลือก KTB TCAP เป็นหุ้นเด่น
**กำไรสุทธิรวมใน 3Q24 ไม่เด่น แต่คาดยังขยายตัวได้ 3% YoY **
• เราคาดธนาคาร 9 แห่งจะรายงานกำไรสุทธิรวมใน 3Q24 ที่ 54.9 พันล้านบาท (+3.0% YoY, -2.5% QoQ) โดยกำไรเติบโต YoY หนุนจาก (1) รายได้ดอกเบี้ยที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นได้อานิสงส์จากภาวะการลงทุนฟื้นตัว และ (2) สำรองหนี้ฯ ปรับลดลง แต่กำไรจะลดลง QoQ เนื่องจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากสินเชื่อหดตัว และ NIM ลดลง และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้นที่เป็นปกติธนาคารจะมีค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน และการลงทุนในระบบไอทีเพิ่มขึ้นใน 2H24
• เราคาดว่าจะไม่มีธนาคารที่รายงานกำไรเติบโตโดดเด่นทั้ง YoY และ QoQ แบ่งเป็น (1) SCB คาดกำไรเพิ่มขึ้น YoY และทรงตัว QoQ (2) BBL KBANK KTB TCAP TTB เป็นกลุ่มที่กำไรสุทธิเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ (3) CREDIT KKP เป็นกลุ่มที่กำไรโต QoQ แต่ลดลง YoY และ (4) TISCO คาดกำไรสุทธิลดลง YoY และ QoQ
**สินเชื่อรวมหดตัว 1% QoQ ฉุดสินเชื่อรวมใน 9M24 ลดลง 0.9% YTD **
• เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเปาะบางและไม่ทั่วถึง รวมกับธนาคารคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อใหม่ทำให้สินเชื่อรวมมีแนวโน้มอ่อนแอลงใน 3Q24 เราคาดว่าสินเชื่อรวมจะลดลง 1% QoQ และฉุดให้ปรับลดลง 0.9% YTD ใน 9M24 โดยแม้มองว่าสินเชื่อรวมจะกลับมาขยายตัวใน 4Q24 เพราะเศรษฐกิจขยายตัวและเป็นฤดูกาลใช้จ่ายสูง แต่เราปรับลดการเติบโตของสินเชื่อรวมในปี 2024 เหลือ 0.9% จากเดิม 1.9%
• กลยุทธ์การตั้งรับที่ต้องแลกมาด้วยสินเชื่อไม่ขยายตัว ธนาคารจะสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้และไม่ส่งผลอย่างมีนัยต่อพื้นฐาน เราคาดว่า NPL ratio เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ ที่ 3.8% เป็นผลให้ธนาคารสามารถผ่อนคลายการตั้งสำรองหนี้ฯ ลงได้ และคาดว่า Coverage ratio ของกลุ่มธนาคารยังทรงตัวสูงที่ 178% ใน 3Q24
สู่ยุคการเติบโตปานกลาง เน้นการควบคุมคุณภาพสินเชื่อเพื่อลดต้นทุนความเสี่ยง
• เศรษฐกิจไทยใน 2H24 แม้จะได้อานิสงส์จากเม็ดเงินการเบิกจ่ายงบประมาณและภาคการท่องเที่ยว แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐเน้นไปที่ผลบวกระยะสั้น มากกว่าจะสร้างการเติบโตยั่งยืนและเสริมศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว ทำให้ธนาคารต้องหาโอกาสการเติบโตในตลาดต่างประเทศที่โตมากกว่าในไทย นอกจากนี้ ธนาคารเน้นตั้งรับปล่อยกู้อย่างระมัดระวังในกลุ่มลูกค้าที่แข็งแกร่ง หันมาควบคุมคุณภาพสินเชื่อเพื่อลดต้นทุนความเสี่ยงลงและเพิ่มประสิทธิภายด้วยการลงทุนผ่านระบบไอทีมากขึ้น
• กลุ่มธนาคารกำลังเข้าสู่ยุคของการเติบโตปานกลาง เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมจะปรับเพิ่มขึ้นได้ แต่ในอัตราชะลอตัวที่ 4.8%/4.6% ในปี 2024-25 (2023: +18.4%) หนุนจากการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย และสำรองหนี้ฯ ลดลง ดังนั้น ผลกระทบจากกำไรที่เติบโตชะลอตัว เราคาดว่า ROE จะทรงตัวที่ 8.9% ในปี 2024-25 (2023: 8.9%)
• การบริหารเงินกองทุนที่มีประสิทธิภาพช่วยรักษาระดับความสามารถทำกำไรในภาวะที่การเติบโตกำลังชะลอตัว ด้วยเงินกองทุนแข็งแกร่ง เราคาดว่าธนาคารจะให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าดึงดูดเฉลี่ยที่ 5.6%/5.8% ในปี 2024-25
**คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” KTB TCAP เป็นหุ้นเด่น **
คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” เพราะแม้อัตราการเติบโตของกำไรจะไม่โดดเด่น แต่พื้นฐานของธนาคารไทยยังแข็งแกร่ง อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง และ Valuation ไม่แพง กลุ่มธนาคารซื้อขายที่ 0.65x PBV’25E หรือราว -1.0SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี และธนาคารส่วนใหญ่ยังคงซื้อขายที่ระดับ P/BV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี