AH (HOLD : Fair Price : Bt 14.40) : ปีหน้ามีงานใหม่ 500 ล้านบาท
**เรายังแนะนำ “ถือ” แม้จะมีการปรับกำไรทั้งปีขึ้นจากเดิม 8% มาอยู่ที่ 811 ล้านบาท หลังกำไรสุทธิในช่วง 1H25 คิดเป็นสัดส่วนกว่า 55% ของกำไรสุทธิทั้งปีที่เราคาดไว้เดิม เนื่องจากแนวโน้มในช่วง 2H25 ยังไม่ สดใสนักหลังอุตสาหกรรมในประเทศชะลอตัว รวมถึงตลาดรถยนต์ที่ มาเลเซีย ได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันของรถ EV จีน ทั้งนี้จุดที่ดีคือ แนวโน้มในปี 26 คาดว่ารายได้มีโอกาส จะกลับมาปรับตัว เพิ่มขึ้นได้หลังจากรับรู้รายได้จากคำสั่งซื้อใหม่ที่มีกว่า 500 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการงวด 2Q25 มีกำไรสุทธิ 108 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 5% จากผลดีของค่าใช้จายในการขายและบริหารที่ลดลงและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น **
**2Q25 กำไรสุทธิ 108 ล้านบาท (+5%YoY,-65%QoQ) **
• กำไรสุทธิงวด 2Q25 ที่ 108 ล้านบาท (+5%YoY,-65%QoQ) โดยมีรายการพิเศษเป็นขาดทุน 5 ล้านบาท ถ้าไม่รวมจะมีกำไรปกติ 113 ล้านบาท (+13%YoY,-63%QoQ) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในทิศทางเดียวกับการผลิตรถยนต์ในประเทศ
• รายได้ที่ 6,522 ลบ. (+1%YoY,-3%QoQ) เทียบกับปีก่อนเติบโตจากรายได้ในประเทศไทยเป็นหลัก ส่วนเทียบกับ 1Q25 ลดลงมากจากธุรกิจในประเทศมาเลเซียหลังจากยอดขายในประเทศลดลง
• อัตรากำไรขั้นต้นที่ 7.4%ลดลงจาก 8.6% ใน 2Q24 และ 9.9% ใน 1Q25 AH ให้เหตุผลว่าเกิดจากเหตุไฟดับที่โปรตุเกส ทำให้โรงงานใช้กำลังการผลิตได้ไม่เต็มที่รวมถึงการตั้งด้อยค่าสินค้าคงเหลือจากโรงงานที่โปรตุเกตเข้ามา ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 426 ล้านบาท (-7%YoY,+7%QoQ) เกิดจากเทียบกับไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้นเพราะมีการเปิดโชว์รูมตัวแทนจำหน่ายรถยนต์
• ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ 65 ล้านบาท (+30%YoY,+6%QoQ) เทียบกับปีก่อนเพิ่มเพราะบริษัท พูเล็ม มีกำไรสุทธิหลังจากเริ่มผลิตในช่วง 1Q24 ดอกเบี้ยจ่ายที่ 82 ล้านบาท (-25%YoY,+6%QoQ)
• ภาษีจ่ายอยู่ที่ 46 ล้านบาท (+48%YoY,+8%QoQ) ส่วนหนึ่งมาจากรายการพิเศษทางภาษีเข้ามาประมาณ 15 ล้านบาท
**ปีนี้ไม่เด่น ลุ้นปีหน้ามีงานใหม่กว่า 500 ล้านบาท **
ภาพรวมช่วง 2H25 ในแง่รายได้ยังไม่โดดเด่นนัก เพราะยังคงได้รับแรงกดดันจากภาพรวมอุตสาหกรรมในประเทศที่ชะลอตัว รวมถึงผลกระทบจากการแข่งขันที่มากขึ้นในตลาดรถยนต์ที่ประเทศมาเลเซีย ที่ทำให้ยอดขายปรับตัวลดลง ทำให้ภาพรวมทั้งปีคาดว่ารายได้จะออกมาต่ำกว่าที่ผู้บริหารคาดไว้ว่าจะทรงตัวจากปีก่อน อย่างไรก็ตามในปี 26 ผู้บริหารคาดว่ารายได้จะกลับมาฟื้นตัวได้จากการที่มีคำสั่งซื้อใหม่ที่จะทยอยเข้ามากว่า 500 ล้านบาท
ด้านผลกระทบจากภาษีส่งออกไปยังสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น เบื้องต้นสัดส่วนรายได้ไม่มากนัก นอกจากนี้ AH มีการไปจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ในประเทศสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มโอกาสในการหางานใหม่เพิ่มได้อีก
ปรับกำไรปี 25 ขึ้นจากเดิม 8% มาอยู่ที่ 811 ล้านบาท
กำไรสุทธิงวด 1H25 คิดเป็นสัดส่วนกว่า 55% ของกำไรสุทธิทั้งปีที่เราประเมินไว้ที่ 752 ล้านบาท ทำให้เรามีการปรับประมาณการกำไรทั้งปีขึ้นจากเดิม 8% มาอยู่ที่ระดับ 811 ล้านบาท (+9%YoY) โดยปรับลดดอกเบี้ยจ่ายลงหลังจากในช่วง 1H25 มีเพียง 159 ล้านบาท สำหรับคำแนะนำการลงทุน เรายังมองว่าระยะสั้นผลประกอบการยังมีความเสี่ยง แม้จะปรับกำไรทั้งปีขึ้นก็ตาม ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 14.4 บาท (6.3XPER’25E)