AEONTS (BUY : Fair Price : Bt 126.00) : กำไรเติบโตในปี 2025 และเงินปันผลสูง
เราเริ่มต้นบทวิเคราะห์ AEONTS ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐานที่ 126.00 บาท จาก Gordon growth model (ROE 11%, Long term growth 3%) อิงกับ 1.1x PBV’25E และ 10.5x PE’25E ความท้าทายด้านเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวจำกัดและไม่ทั่วถึง ทำให้ต้องเผชิญกับความสามารถการทำกำไรลดลง อย่างไรก็ดี AEONTS ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินเชื่อมากขึ้น เพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมจากการขายประกัน และควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบจากรายได้ดอกเบี้ยที่ชะลอตัว เราคาดว่ากำไรสุทธิจะกลับมาเติบโต 4.6% ในปี 2025 โดยคาดการเติบโต 5.2% CAGR (2025-27) ด้านผลตอบแทนเงินปันผลของ AEONTS ค่อนข้างสูงที่ 5.3-5.9% หากเทียบกับคู่เทียบในกลุ่มไมโครไฟแนนซ์ที่ 3.2-3.7% ในปี 2025-27 (ไม่รวม AEONTS)
หนี้ครัวเรือนสูงกระทบการใช้จ่ายภาคครัวเรือนชะลอตัว
ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดเศรษฐกิจไทยเติบโต 2.3% ในปี 2025 และแนวโน้มเติบโตชะลอตัวต่ำกว่า 2% ในปี 2026 เพราะการส่งออกชะลอตัวอันเนื่องมาจากนโยบายการค้าของสหรัฐที่เก็บภาษีนำเข้าไทยสูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบ K-Shaped recovery ด้านภาคครัวเรือนฟื้นตัวจำกัดทำให้คุณภาพสินเชื่อยังเปาะบาง ส่วนหนึ่งเพราะหนี้ครัวเรือนระดับสูงที่ 87.4% ของเศรษฐกิจไทยทำให้การใช้จ่ายภาคบุคคลชะลอตัว สถาบันการเงิน บริษัทไมโครไฟแนนซ์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่ และดูแลคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิด
คาดการเติบโตระดับปานกลางที่ 5.2% CAGR (2025-27)
• AEONTS เผชิญผลการดำเนินงานที่ผันผวนในปี 2019-2024 เพราะกำไรสุทธิปรับลดลง 7.7% CAGR เทียบกับที่เติบโตแข็งแกร่ง 12% CAGR (2014-2018) สะท้อนผลกระทบที่บริษัทได้รับจากวิกฤตโควิด 19 กดดันฐานรายได้ และคุณภาพสินเชื่อที่อ่อนแอลง
• ผลการดำเนินงานใน 1Q25 แข็งแกร่ง กำไรอยู่ที่ 772 ล้านบาท (+47% YoY, +6% QoQ) เราคาดว่าผลการดำเนินงานใน 2Q-4Q ใกล้เคียงกับใน 1Q ทำให้กำไรในปี 2025 จะกลับมาเติบโต 6% หลังจากปรับลดลง 14.6%/12.2% ในปี 2023-24
• คาดการฟื้นตัวของกำไรระดับปานกลางที่ 5.2% CAGR (2025-27) เพราะ (1) การขยายสินเชื่อจำกัด (2) คุณภาพสินเชื่อมีเสถียรภาพดีขึ้นทำให้สำรองหนี้ฯ ทรงตัว (3) เพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม และ (4) ควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน
• ROE สิ้นสุดขาลง คาดจะอยู่ทรงตัวที่ 11.1-11.2% ในปี 2025-2027 (2024: 11.2%)
**งบดุลมีเสถียรภาพมากขึ้น **
• การควบคุมหนี้เสียทำได้ดีขึ้นมาตั้งแต่ใน 4Q23 หนี้เสียค่อนข้างทรงตัว โดย NPL ratio อยู่ที่ 5.1% และ Coverage ratio ปรับขึ้นที่ 162% สะท้อนงบดุลที่มีเสถียรภาพดีขึ้น
• ภายใต้เศรษฐกิจโตชะลอตัว คุณภาพสินเชื่อยังเปาะบาง เราคาด NPL ratio อยู่ที่ 5.1-5.2% ในปี 2025-27 และมีมุมมองระมัดระวังสมมติฐาน Credit cost ที่ 800 bps ในปี 2025-27 ซึ่งทำให้ Coverage ratio อยู่ระดับแข็งแกร่งสูงกว่า 160%