ITC (BUY : Fair Price : Bt21.80) : คาดปี 24 กลับสู่การเติบโตอีกครั้ง

Published
27 October 2023
Share this article:

**เราเริ่มต้นคำแนะนำสำหรับ ITC ด้วย “ซื้อ” โดยมองว่าผลประกอบการกลับมาอยู่ในระดับปกติแล้ว หลังจากทำจุดสูงสุดไปในปี 22 ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้กำไรสุทธิจะเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกครั้งตั้งแต่ปี 24 เป็นต้นไป หลังจากอ่อนตัวลงแรงในปี 23 จากผลกระทบของการขายที่ค่อนข้างมากในปี 22 ขณะที่การเติบโตในอนาคตจะมาจากทั้งการขยายตัวของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง และการเปิดตัวตลาดกับสินค้าใหม่ของ ITC เอง นอกจากนี้ในปี 24 จะเริ่มรับรู้ผลดีจากกำลังการผลิตใหม่ที่จะเข้ามาเต็มปี ทั้งนี้เราประเมินกำไรสุทธิในปี 24 ที่ 2,621 ล้านบาท (+30%YoY) และประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ที่ 21.8 บาท (25XPER’24E) **

**ผู้นำด้านอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศและในโลก **

• I-Tail corporation PCL. (ITC) เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการอาหารสัตว์เลี้ยงชั้นนำของโลก โดยเน้นไปที่อาหารสัตว์เลี้ยงในกลุ่มอาหารเปียก (wet petfood) ซึ่งเป็นตลาดที่มีการคาดหมายว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 23-28 ที่ระดับ 6.2% (CAGR)

• สินค้าของ ITC ประกอบไปด้วยอาหารแมว อาหารสุนัข และขนมสัตว์เลี้ยง โดยมีอาหารแมวเป็นสัดส่วนหลัก ทั้งนี้สินค้าดังกล่าวมีการขายผ่านรูปแบบรับจ้างผลิต (OEMs) ที่มีลูกค้าเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลกอย่างเช่น Smucket, Mars, Aixia เป้นต้น หรือบริษัทค้าปลีกอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ นอกจากนี้ ITC ยังมีการขายภายใต้แบรนด์ตัวเองด้วยได้แก่ Bellotta, Marvo, ChangeTer, Calico Bay และ Paramount

• จุดเด่นอีกประการของ ITC คือการที่มีศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้าเป็นของตนเอง ทำให้สามารถคิดค้นสูตรสินค้าเพื่อผลิตเองหรือนำไปเสนอคู่ค้าได้

• ปัจจุบันตลาดหลักอยู่ที่ทวีปสหรัฐฯ โดยอนาคต ITC ตั้งเป้าจะขยายไปยังประเทศจีนมากขึ้น ซึ่งตลาดดังกล่าวมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปี 23-28 กว่า 9.3% (CAGR).

มองผลประกอบการเริ่มฟื้น หลังพักฐานในปี 23

ผลประกอบการของ ITC เติบโตอย่างต่อเนื่องระหว่างปี 19-22 ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับผลดีจากการเกิดขึ้นของโควิดในปี 20-22 ที่ทำให้มีความต้องการสัตว์เลี้ยงมากขึ้น อย่างไรก็ตามด้วยการชะลอตัวของเศรษฐกิจรวมถึงคำสั่งซื้อที่ค่อนข้างมากในช่วง 2H22 ส่งผลให้ลูกค้ามีการเก็บสต๊อกสินค้าในระดับสูงจึงทำให้ในปี 23 มีการชะลอคำสั่งซื้อไป ส่งผลให้ผลประกอบการของ ITC คาดว่าจะลดลงอย่างมาก (เราประเมินกำไรลดลงถึง 54%YoY) แต่ถ้ามองแนวโน้มภายในปี 23 จะพบว่าผลประกอบการช่วง 2H23 จะเห็นการฟื้นตัวจาก 1H23 ได้ อันเป็นผลจากสต๊อกสินค้าของคู่ค้าเริ่มลดลง และการออกสินค้าใหม่รวมถึงการขยายไปยังตลาดประเทศอื่นมากขึ้น เราจึงมองว่าผลประกอบการในปี 24 จะกลับมาขยายตัวได้ โดยเราคาดกำไรสุทธิที่ 2,621 ล้านบาท (+30%YoY).

เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน เริ่มต้นด้วย “ซื้อ”

เรามองว่าด้วยการเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวของผลประกอบการเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน เราจึงเริ่มคำแนะนำด้วย “ซื้อ” และประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 21.8 บาท (25XPER’24E)