Pi STOCK UPDATE : SHR (BUY : FAIR PRICE Bt4.00)

Published
18 July 2023
Share this article:

" คาดขาดทุนต่อไปอีก 2 ไตรมาส "

ราคาหุ้น SHR ปรับลดลง 30% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เชื่อว่าสะท้อนกำไรขาลงในช่วง low season ของกิจการในมัลดีฟส์และไทย บวกกับผลกระทบจากการปิดให้บริการโรงแรมบางส่วนทั้งในไทย ฟิจิ และมอริเชียส ซึ่งอาจนำไปสู่ผลขาดทุนจากการดำเนินงานในไตรมาส 2-3/23 แม้ธุรกิจโรงแรมใน UK จะมีผลงานเด่นก็ตาม ทั้งนี้ เราได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ลง 59% และปี 2024 ลง 45% ผลกระทบจากการปิดปรับปรุงโรงแรมหลายแห่งและมุมมองที่รัดกุมมากขึ้นต่อตลาดมัลดีฟส์ (28% ของรายได้รวม) หลังสูญเสียข้อได้เปรียบทางการแข่งขันบวกกับค่าตั๋วผู้โดยสารที่แพงขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงลดมูลค่าพื้นฐานลงเป็น 4.0 บาท (จาก 5.6 บาท) แต่ด้วยมูลค่าหุ้นปัจจุบันที่น่าดึงดูดหรือซื้อขายกันที่ 26.6xPE’24E เทียบค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 29.3xPE’24E กอปรกับที่เราคาดว่ากำไรจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 4/23 จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"**ผลงานธุรกิจโรงแรมโดยรวมน่าผิดหวัง**

• คาดถึงผลขาดทุนจากการดำเนินงานในไตรมาส 2/23 ที่ 97 ล้านบาท เทียบกับขาดทุน 97 ล้านบาทในไตรมาส 2/22 และกำไรสุทธิ 145 ล้านบาทในไตรมาส 1/23 ฉุดจากผลการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ที่น่าผิดหวัง ซึ่งเราคาดว่าอัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพักต่อคืน (RevPar) จะหดตัวลง 51% QoQ และ 40% QoQ ตามลำดับ เพราะปัจจัยด้าน low season ขณะที่ประเมินว่าการปิดให้บริการชั่วคราวของโรงแรม Outrigger Mauritius ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2023 จะก่อให้เกิดการขาดทุนที่ 45-50 ล้านบาท ส่วนขาดทุนสุทธิที่ทรงตัว YoY เป็นผลจากการปิดให้บริการโรงแรมในมอริเชียส และ RevPar ของพอร์ตมัลดีฟส์ที่ลดลง 10% เพราะคาดถึงขีดความสามารถในการแข่งขันที่ลดลงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่กลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ทบต้นกับค่าตั๋วบินมายังมัลดีฟส์ที่สูงขึ้น ทำให้อุปสงค์โดยรวมในตลาดนี้หดตัวลง ทั้งนี้ปัจจัยลบดังกล่าวถูกชดเชยด้วยฝั่งธุรกิจโรงแรมใน UK มีภาพรวมแข็งแกร่งในช่วง high season

• คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะลดลง QoQ เป็น 30.9% จาก 36.9% ในไตรมาส 1/23 สืบเนื่องจากอัตราทดการดำเนินงาน (operating leverage) ที่น้อยลง หลังจากที่รายได้หดตัว 7%QoQ เหลือ 2.4 พันล้านบาท

• ประเมินว่าต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มแตะจุดสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 275 ล้านบาท (+43%YoY +11%QoQ) ผลพวงจากการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่หนี้สินของบริษัทมีสัดส่วน 64% ที่อยู่ในสกุลเงินต่างชาติ (36% ในดอลลาร์ฯ 25% ในปอนด์ 3% ในยูโร และ 5.3% ในดอลลาร์ฟิจิ)

คาดถึงผลขาดทุนจากการดำเนินงานต่อเนื่องในไตรมาส 3/23 ก่อนพลิกฟื้นไตรมาส 4/23

คาดผลประกอบการจะสะดุดลงอีกครั้งในไตรมาส 3/23 เพราะมัลดีฟส์และไทยจะเข้าสู่ฤดูฝน (โรงแรมของ SHR ตั้งอยู่ในสมุยและภูเก็ต) การปรับปรุงโครงการอย่างต่อเนื่องที่โครงการSAii ลากูน่า และเกาะพีพีที่ภูเก็ต ขนาดรวม 154 ห้อง หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 1/4 ของพอร์ตในไทย (เริ่มปรับปรุงปลายเดือน พ.ค.) น่าจะฉุดให้อัตราการเข้าพักลงเหลือประมาณ 50% ก่อนที่จะกลับมาดำเนินงานเต็มอัตราได้ในช่วง high season ในเดือน ธ.ค. 2023 ขณะที่คาดว่าโครงการ Outrigger Mauritius จะกลับมาดำเนินงานเต็มอัตรา (180 ห้อง) ได้ในเดือน ต.ค. 2023 (เปิดให้บริการบางส่วนในเดือน ก.ย. 2023) ชี้เป็นนัยว่าบริษัทจะแบกรับผลขาดทุนจากการดำเนินงานของ Mauritius ในปริมาณที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/23 ต่อเนื่อง ซึ่งคลาดเคลื่อนจากตัวเลขแนวทางผู้บริหารก่อนหน้านี้ที่ราว 30 ล้านบาท/ไตรมาสอย่างมาก ส่วนการปรับปรุงโครงการ Outrigger Fiji Beach เฟสแรกเสร็จสิ้นไปแล้วตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. 2023 ขณะที่เฟสสองได้เริ่มงานแล้ว และคาดว่าจะกลับมาให้บริการได้เต็มรูปแบบในเดือน ธ.ค. 2023 สำหรับพอร์ตใน UK (40% ของประมาณการรายได้ปี 2023) จะเข้าสู่ช่วง high season พร้อมกับการขึ้นอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน(ADR) หลังทำการรีแบรนด์และปรับปรุงโครงการหลักไปเมื่อปีก่อน (ADR ไตรมาส 2/23 ขยายตัว 12%YoY เป็น 3,861 บาท/คืน) แต่ไม่คิดว่าผลงานที่แข็งแกร่งใน UK จะช่วยให้บริษัทเลี่ยงผลขาดทุนในไตรมาส 3/23 ได้

คาดบริษัทจะกลับมาโตตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป

คาดว่าแผนการขยายโครงการข้างต้นจะดันให้ ADR ขึ้นได้ 15%-25% และน่าจะสะท้อนผ่านรายได้ในปี 2024 นอกเหนือจากการเติบโตจากธุรกิจหลัก บริษัทยังตั้งงบการควบรวม (M&A) อีก 7.5 พันล้านบาทสำหรับช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ SHR เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อเงินทุน (IBD/E) ต่ำที่สุด (0.81x) ในกลุ่มโรงแรม ซึ่งเอื้อต่อแผนการขยายพอร์ตไปยังต่างประเทศเป็นอย่างดี