Pi STOCK UPDATE : KCE (BUY : FAIR PRICE Bt56.40)
" แนวโน้มขาขึ้นในครึ่งปีหลังและปี 2024 "
เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 56.40 บาท คำนวณด้วยวิธี Gordon Growth Model (Ke: 10%, TG: 6.50%) กำไรปกติไตรมาส 2/23 อยู่ที่ 376 ล้านบาท (-34% YoY, +9% QoQ) ที่ฟื้นตัว QoQ เพราะค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) ที่ลดลง แม้จะต่ำกว่าคาด 26% แต่เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2023 ที่ 1.8 พันล้านบาท (-24% YoY) เพราะคาดว่าผลประกอบการครึ่งหลังปี 2023 จะได้แรงหนุนจาก 1) การกลับมาตุน PCB หลังกลุ่มผู้ขายลดสต็อกไปเมื่อครึ่งปีแรกเพราะสภาวะสต็อกล้นเกินในปี 2022 2) ราคาทองแดงที่ลดลง และ 3) เงินดอลลาร์ฯ/บาทที่มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ KCE ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.60 บาท/หุ้น ขึ้น XD 21 ส.ค. 2023
การประชุมนักวิเคราะห์
• ผู้บริหารเชื่อว่ายอดขายและอุปสงค์ PCB ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในครึ่งแรกปี 2023 ขณะที่คาดว่ายอดขายครึ่งหลังปี 2023 จะอยู่ที่ราว $250-$255 ล้าน (+7%-10% HoH) ชี้เป็นนัยถึงยอดขายทั้งปี 2023 ที่ราว $485 ล้าน (-8% YoY) สอดคล้องกับที่เราคาด
• ผู้บริหารคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ครึ่งหลังปี 2023 จะฟื้นตัวสู่ระดับราว 23%-24% เพราะกลับมามีประสิทธิภาพตามระดับปกติ นอกจากนี้ ราคาทองแดงก็ปรับลดลงมาตั้งแต่ต้นปี 2023 ขณะที่เราคาด GPM ปี 2023 ที่ 21.2%
• บริษัทคาดยอดขายปี 2024 (ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ) จะฟื้นตัว 4%-5% YoY เพราะลูกค้าเริ่มตุนสต็อกและเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจมากขึ้น โดยคาด GPM ปี 2024 ที่ 22%-23% แต่อาจแตะ 26%-27% ถ้าสภาพแวดล้อมออกมาดี แต่เรายังรัดกุมด้วยคาดการณ์ GPM ปี 2024 ที่ 23% จากแนวโน้มระยะยาวที่ลดลงตั้งแต่ยอดสูงของบริษัทในปี 2016
• การก่อสร้างโรงงานโรจนะแห่งใหม่ถูกเลื่อนไปอีก เพราะบริษัทไม่เห็นความจำเป็นในการเร่งโครงการ ผู้บริหารยังคาดว่าตัวโรงงานจะเปิดดำเนินงานได้ภายในปี 2025 ทั้งนี้ KCE ได้เพิ่มอุปกรณ์ใหม่ ๆ และขยายกำลังการผลิตเป็น 4.35 ล้านตร.ม./เดือน (+21% ต่อกำลังการผลิตเดิม)
• บริษัทระบุว่าการมาของกลุ่มผู้ผลิตจีนรายใหม่ในไทยจะไม่เป็นภัยต่อ KCE เพราะกลุ่มจีนจะมีความท้าทายเรื่องต้นทุน ซึ่งเราเห็นด้วยกับผู้บริหาร ขณะที่ KCE เป็นบริษัทไทยเพียงแห่งเดียวที่ติดอันดับผู้ผลิต PCB 100 รายแรกของโลก (อันดับ 41) หากอิงจากขนาดกิจการ ซึ่งสะท้อนศักยภาพของบริษัทได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทอาจได้อานิสงส์จากพัฒนาการดังกล่าวอีกด้วย เพราะอาจช่วยเปิดตลาดใหม่ให้กับกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศได้เพิ่มเติม