Pi STOCK UPDATE : SCC (HOLD : FAIR PRICE : Bt341.00)

Published
Share this article:

" รอส่วนต่างปิโตรเคมีฟื้นตัว "

คงคำแนะนำ "ถือ" มูลค่าพื้นฐาน 341.0 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) กำไรปกติไตรมาส 1/23 เพิ่มเป็น 4.5 พันล้านบาท ฟื้นตัวแข็งแกร่งจาก 157 ล้านบาทในไตรมาส 4/22 หนุนจากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ดีขึ้น อานิสงส์จากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวหลังจีนกลับมาเปิดประเทศ และต้นทุนกลุ่มซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง (CBM) และบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง ด้านกำไรสุทธิไตรมาส 1/23 ก็ปรับสูงขึ้นแตะยอดสูงในรอบหลายไตรมาสที่ 1.65 หมื่นล้านบาท เพราะมีกำไรพิเศษครั้งเดียวจากดีลควบรวม SCGJWD ขณะที่เราคาดว่าส่วนต่างราคาเคมีภัณฑ์จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมกับมีต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่ลดลง ที่จะคอยหนุนการเติบโตของกำไรไตรมาส 2/23 ได้ แต่ด้วยปัจจัยค้างคาเกี่ยวกับกำลังการผลิตใหม่ในปี 2023 เราจึงมองว่าธุรกิจจะฟื้นตัวดีกว่านี้ในช่วงปี 2024

กำไรไตรมาส 1/23 ฟื้นตัวดี **

• กำไรสุทธิไตรมาส 1/23 อยู่ที่ 1.65 หมื่นล้านบาท (+87% YoY, >1000% QoQ) แตะจุดสูงในรอบหลายไตรมาส สาเหตุที่กำไรพุ่งขึ้นสูงเช่นนี้เป็นเพราะกำไรพิเศษครั้งเดียว 1.20 หมื่นล้านบาทจากการปรับมูลค่ายุติธรรมสำหรับรายการลงทุนของ SCG Logistics หลังจากปิดดีลควบรวม SCGJWD

• หากไม่รวมกำไรพิเศษ กำไรปกติจะอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท (-49% YoY, >1000% QoQ) ฟื้นตัว QoQ จากส่วนต่างราคาและปริมาณขายในธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ดีขึ้น รวมถึงต้นทุนพลังงานในกลุ่ม CBM และบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง ส่วนที่ลดลง YoY เป็นผลจากรายได้ที่ลดลงเพราะยอดขายและอัตรากำไรที่หดตัวลง

ถูกบดบังจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย

• ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีในไตรมาส 1/23 ฟื้นตัวจากฐานต่ำในไตรมาส 4/22 คาดว่าการเปิดประเทศของจีนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวจะยังเป็นแรงขับเคลื่อนอุปสงค์และส่วนต่างราคาในกลุ่มปิโตรเคมีได้ต่อเนื่อง (PE, PP, PVC) ในช่วงไตรมาส 2/23 และถัด ๆ ไป

• แต่ปัจจัยรบกวนด้านอุปทานยังดำรงอยู่ เพราะกลุ่มโรงแคร็กเกอร์เดิมจะเพิ่มอัตราการดำเนินงานขึ้น บวกกับกำลังการผลิตใหม่ที่จะไหลเข้ามาต่อเนื่องในปี 2023 ยิ่งกว่านั้น การชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากสภาวะถดถอยและปัญหากลุ่มธนาคารของโลกก็คาดว่าจะฉุดภาพรวมกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2023

• แต่เรามองบวกมากขึ้นต่อภาพรวมปี 2024-25 เพราะอุปทานส่วนเกิน 5 ปีจะสิ้นสุดลง (2019-23) ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจโลกหลังผลกระทบจากสภาวะถดถอยผ่อนคลายลงก็จะช่วยฟื้นฟูส่วนต่างราคาปิโตรเคมีขึ้นได้ นอกจากนี้ การเริ่มเดินเครื่องโรงงานโพลีเมอร์ LSP แห่งใหม่ในเวียดนาม (1.4 ล้านตันต่อปี) ก็จะเพิ่มกำลังการผลิตโพลีโอเลฟินส์ของ SCC ขึ้น 60%

คงคำแนะนำ "ถือ" มูลค่าพื้นฐาน 341.0 บาท

เราเล็งเห็น downside risk จำนวนมากในระยะสั้น และมีโอกาสปรับลดประมาณการกำไรลงหากปริมาณขายและอัตรากำไรธุรกิจปิโตรเคมีไม่ฟื้นตัวภายในครึ่งปีหลัง ด้วยเหตุนี้เราจึงแนะนำ "ถือ" มูลค่าพื้นฐาน 341.0 บาท คำนวณด้วยวิธี DCF (WACC 8.8%, TG 0%) อิง 12.6x PE’23E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 5