Pi STOCK UPDATE : PRM (BUY : FAIR PRICE Bt9.25)
" การดำเนินงานแข็งแกร่ง พร้อม upside จากการลงทุนในอนาคต "
คาดกำไรไตรมาส 2/23 ลดลงเล็กน้อย QoQ ก่อนกลับมาโตในช่วงครึ่งหลังปี 2023 เพราะเรือส่วนใหญ่จะกลับมาให้บริการตามปกติ พร้อมกับค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (OPEX) น่าจะทรงตัวได้ปกติ ทั้งนี้ PRM มีงบดุลที่แข็งแกร่งด้วยอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อเงินทุน (IBD/E ratio) ที่ 0.3 เท่า และด้วยเงินสดในมือที่พร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคตอีก 3.8 พันล้านบาท โดยด้วยภาพรวมการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน บวกกับ upside จากกองเรือที่จะทยอยเข้ามาใหม่ และมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง หรือต่ำกว่า -2.0SD ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปีค่อนข้างมาก เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 9.25 บาท อิง 12.0xPE’23E หรือค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลัง 3 ปี ซึ่งใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มขนส่งเอเชียที่ไม่รวมญี่ปุ่น
กำไรปกติไตรมาส 1/23 ลดลง QoQ แต่โตแข็งแกร่ง YoY
• กำไรสุทธิไตรมาส 1/23 อยู่ที่ 577 ล้านบาท หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) กำไรปกติจะอยู่ที่ 555 ล้านบาท (+109%YoY -4%QoQ) ที่โตขึ้นสูง YoY ได้แรงหนุนจาก 1) การรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากเรือ VLCCs 3 ลำ พร้อมกัน (ลำที่ 3 ได้เริ่มวิ่งในเดือน ก.ย. 2022) 2) การรับรู้รายได้เรือ FSU เพิ่ม 1 ลำ (6 ลำในไตรมาส 1/23 เทียบ 5 ลำในไตรมาส 1/22) บวกกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับการจัดเก็บน้ำมันและการผสมน้ำมันบนเรือภายใต้หน่วยธุรกิจ FSU ซึ่งได้สะท้อนผ่านการปรับเพิ่มค่าเช่าเรือที่เพิ่มขึ้น 3) การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในภาคใต้ของไทย ที่ช่วยไปกระตุ้นอุปสงค์สำหรับการขนส่งน้ำมันผ่านเรือของบริษัทภายในประเทศ
• ส่วนกำไรปกติที่หดตัว QoQ เป็นผลจากการซ่อมบำรุงเรือ FSU 1 ลำในเดือน มี.ค. 2023 (รายได้ธุรกิจ FSU ลดลง 17%QoQ เป็น 709 ล้านบาท) และจากการสิ้นสุดลงของสัญญาการให้บริการในธุรกิจเรือขนส่งและที่พักอาศัยสำหรับพนักงานประจำแท่นขุดเจาะน้ำมัน (AWB) ลำที่ 2 ตั้งแต่สิ้นปี 2022 และการซ่อมเรือ AWB ลำแรกในเดือน มี.ค. 2023 ทำให้รายได้ธุรกิจเรือสนับสนุนนอกชายฝั่งปรับลดลง 50%QoQ เป็น 106 ล้านบาท (+4%YoY)
คาดโมเมนตั้มการเติบโตของกำไรจะเริ่มกลับมาในไตรมาส 2/23
เราคาดกำไรจะลดลงเล็กน้อย QoQ เพราะมี FSU 1 ลำที่อยู่ในช่วงซ่อมแซมไปจนถึงปลายเดือน มิ.ย. 2023 (เทียบกับช่วงเวลาที่หยุดการให้บริการ 1 เดือนในไตรมาส 1/23) แม้เรือ AWB 1 ลำจะกลับมาเดินเรือภายใต้การต่อสัญญาระยะยาวใหม่กับ PTTEP ("ถือ" มูลค่าพื้นฐาน 162 บาท) และ เรือ Aframax ภายใต้ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่ได้รับสัญญาการให้บริการใหม่ในเดือน เม.ย. 2023 ก็ตาม ขณะที่คาดว่ากำไรปกติในครึ่งหลังปี 2023 จะฟื้นตัวจากจุดต่ำของปีในไตรมาส 2/23 ได้ เพราะเรือส่วนใหญ่กลับมาให้บริการตามปกติ ขณะที่คาดว่า OPEX จะยังทรงตัวตลอดทั้งปี หนุนจากประโยชน์ของอัตราทดการดำเนินงาน (operating leverage) ที่ระดับสูงเนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่คงที่ upside ต่อราคาเชื้อเพลิงที่จำกัด และคาดการณ์ถึงค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงที่ลดลงหลังช่วง 5 ไตรมาสที่ผ่านมามีเรือกว่าครึ่งกองเรือที่เข้ารับการตรวจสอบสภาพตัวเรือใต้น้ำและเข้าอู่แห้งไปแล้ว เราจึงคงประมาณการกำไรสุทธิที่ 1.9 พันล้านบาท (+24%YoY) เป็นจุดสูงสุดใหม่
ยังไม่ยืนยันแผนขยายกิจการในครึ่งปีหลัง แต่มีศักยภาพในการขยับขยาย
หลัง PRM ซื้อเรือขนส่งเคมีภัณฑ์มือสอง (DWT11,000) ด้วยงบ US$11 ล้านเข้ามาสู่กองเรือของตนในวันที่ 15 มี.ค. 2023 ผู้บริหารได้เปิดเผยในการประชุมนักวิเคราะห์ว่าบริษัทกำลังเสาะหาโอกาสในการซื้อเรือลำใหม่เพื่อมารองรับธุรกิจการบริการนอกชายฝั่งและการค้าภายในประเทศอยู่ ซึ่งจะสอดคล้องกับกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นส่วนเพิ่มจาก TOP ("ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 64 บาท) ซึ่งจะเริ่มเดินเครื่องจริงในปี 2024 ทั้งนี้ IBD/E ratio ของ PRM อยู่ที่ 0.3 เท่า ขณะที่มีเงินสดในมือ 3.8 พันล้านบาท ที่พร้อมลงทุนเพิ่มเติม แม้จะมีความท้าทายเรื่องราคาเรือมือสองที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ตลาดมีอุปทานต่ำ โดยหากต้องต่อเรือใหม่บริษัทอาจจำเป็นต้องใช้เวลาเกือบ 2 ปี นอกจากนี้ แผนขยายกิจการระยะยาวของ PRM ในการเป็นเจ้าของเรือขนส่งเคมีภัณฑ์ 10-15 ลำยังคงเหมือนเดิม เพราะบริษัทมีเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็นผู้เล่นด้านการขนส่งในทะเลระดับภูมิภาค