Pi STOCK UPDATE : STANLY (BUY : FAIR PRICE Bt245.00)

Published
07 August 2023
Share this article:

" FY1Q24 ไม่ดีนัก แต่หลังจากนี้จะค่อยๆดีขึ้น "

FY1Q24 (เม.ย.-มิ.ย.) STANLY มีกำไรสุทธิเพียง 315 ลบ. (-1%YoY,-44%QoQ) ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 5% เกิดจากกำไรขั้นต้นที่เหลือเพียง 15.3% ทางผู้บริหารให้เหตุผลว่าเกิดจากต้นทุนค่าไฟที่เพิ่มขึ้น รวมถึงคำสั่งซื้อในบางชิ้นงานที่ชะลอไปหลังจากลูกค้ายังมีปัญหาเรื่องชิปขาดแคลน แม้จะเริ่มดีขึ้นในช่วง FY4Q23 ที่ผ่านมาก็ตาม ทั้งนี้ทางผู้บริหารคาดว่าในช่วง FY2Q24 ผลประกอบการจะเริ่มดีขึ้นหลังจากปัญหาชิปขาดแคลนเริ่มได้รับการแก้ไขโดยการโยกชิปมาจากประเทศจีน ที่จะมาไทยมากขึ้น เรายังมีมุมมองที่ดีกับ STANLY ที่มีความพร้อมในการเข้ามาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) รวมถึงสถานะทางการเงินที่ยังแข็งแกร่ง เราจึงคงแนะนำ "ซื้อ"เช่นเดิม และประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 245 บาท (10XPER’24E)

กำไร FY1Q24 อยู่ที่ 315 ลบ. (-1%YoY,-44%QoQ)

• STANLY มีกำไรสุทธิ FY1Q24 เพียง 315 ลบ. (-1%YoY,-44%QoQ) ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 5% เพราะกำไรขั้นต้นที่เหลือเพียง 15.3%

• รายได้ 3,306 ลบ. (+1%YoY,-18%QoQ) เทียบกับปีก่อนเติบโตน้อยกว่าอุตสากรรมยานยนต์ที่เติบโต 6%YoY เนื่องจากลูกค้าหลักบางรายชะลอการรับสินค้าหลังจากมีปัญหาขาดแคลนชิป รวมถึงตลาดส่งออกที่ลดลงโดยเฉพาะที่ลาวและกัมพูชา ส่วนการลดลงจาก FY4Q23 เป็นผลตามฤดูกาลเพราะมีวันหยุดค่อนข้างมาก

• อัตรากำไรขั้นต้นเหลือ 15.3% ลดลงจาก 16.7% ใน FY1Q23 และ 21.1% ใน FY4Q23 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าไฟที่เพิ่มขึ้นรวมถึงชิ้นส่วนที่ลูกค้าชะลอการรับมอบเราคาดว่าเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นที่สูง

• ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 268 ลบ. (-1%YoY,-1%QoQ)

• ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมอยู่ที่ 96 ลบ. (+25%YoY,+14%QoQ)

คาดหลังจากนี้ค่อยๆดีขึ้น โดยชิปขาดแคลนมีทางออกแล้ว

• แม้รายได้ในช่วง FY1Q24 จะเพิ่มขึ้นไม่มากนักถ้าเทียบกับปีก่อน แต่เราคาดว่าหลังจากนี้จะเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้อีกครั้ง โดยปัญหาชิปขาดแคลนผู้บริหารแจ้งว่าลูกค้ามีการโอนชิปที่เดิมจะส่งไปยังประเทศจีนมาที่ไทยแทน ทำให้สามารถผลิตรถยนต์มากขึ้น

• นอกจากนี้ยังจะมีการรับรู้รายได้จากรถกระบะของมิตซูบิชิที่จะเปิดตัวไปในช่วงปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาเข้ามาเต็มไตรมาส

• ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่จะเข้ามาตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย STANLY แจ้งว่ามีการพูดคุยกันแต่ยังมีความกังวลถึงปริมาณการผลิตรายเดือนว่าจะคุ้มในการผลิตหรือไม่ ซึ่งยังต้องติดตามต่อไป ส่วนค่ายรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นยังต้องรอบริษัทแม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการก่อน แต่บริษัทมีความพร้อมในการรับงานอย่างแน่นอน

คงประมาณการและคำแนะนำ "ซื้อ" เช่นเดิม

• เราคงประมาณการกำไรปี 24 ที่ 1,880 ลบ. (+8%YoY) แม้กำไรในช่วง FY1Q24 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 17% ของกำไรทั้งปี แต่คาดว่าหลังจากนี้ผลประกอบการจะเห็นการเร่งตัวขึ้นได้

• เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิมด้วยปัจจัยบวกจากการเป็นผู้ประกอบการที่มีจุดแข็งการเป็นผู้นำในสินค้าที่จำเป็นสำหรับยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถสันดาบหรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) โดยเราประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 245 บาท (10PER’24E)