TCAP (BUY : Fair Price : Bt 56.00) : ราคาหุ้นและปันผลน่าดึงดูด

Published
Share this article:

**เราเพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" ปรับมูลค่าพื้นฐานใหม่เป็น 56.00 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงช่วงล่าสุดทำให้เกิด upside และผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจในระดับ 7.4%-8.4% สำหรับปี 2023-25 เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2023-25 ขึ้น 5%-7% เพื่อสะท้อนผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาส 3/23 และธุรกิจสินเชื่อและประกันที่โตต่อเนื่อง เราคาดว่า TCAP จะมีกำไรสุทธิโตแข็งแกร่ง 30.6% ในปี 2023 จากนั้นจะชะลอลงเป็นประมาณ 7% ในช่วงปี 2024-25, ตามลำดับ **

การประชุมนักวิเคราะห์

• แม้ราชธานีลิสซิ่งจะมีผลประกอบการอ่อนแอในไตรมาส 3/22 สืบเนื่องจากอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่หดตัวและการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่สูงขึ้น แต่กำไรสุทธิของ TCAP ยังแข็งแกร่งที่ 1.8 พันล้านบาท (+36.7% YoY, +1.9% QoQ) หนุนจาก 1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่สูงขึ้นจากการขยายตัวของสินเชื่อ 2) มูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุน (FVTPL) ที่สูงขึ้น และ 3)
ค่าเบี้ยประกันที่ปรับเพิ่ม

• TCAP มองบวกว่างบดุลของ THANI จะปรับดีขึ้นในปี 2024 เพราะมีการทวงถามหนี้เชิงรุกที่อาจทำให้มีผลงานแข็งแกร่งในปี 2024 ได้

• ด้วยสภาพคล่องที่เหลือเฟือ TCAP จึงวางแผนกระตุ้นการเติบโตและจ่ายเงินปันผลในระดับสูงเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ถือหุ้น สภาพคล่องนี้จะหนุนให้ธนชาต พลัสโตอย่างมั่นคง และคาดว่าจะทำให้สินเชื่อของธนชาต พลัสโ 2.0 พันล้านบาทในปี 2024 คิดเป็นราว 30% จากเป้าหมายสินเชื่อที่ 6.0 พันล้านบาทในเดือน ธ.ค. 2023 ขณะที่ TCAP ยังคงการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงต่อไป

• เราประเมินอัตราส่วนการจ่ายปันผลที่ 55% ในปี 2023-25 และคาดอัตราผลตอบแทนที่ 7.4%-8.4%
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2023-25 ขึ้น

• เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2023-25 ขึ้น 5%/7%/5% ตามลำดับ หลัก ๆ เพื่อสะท้อนรายได้ที่ดีกว่าคาด หนุนจากธุรกิจประกันและกำไรจาก FVTPL ที่สูงขึ้น ขณะที่คาดถึงการเติบโตของกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งระดับ 30.6% YoY ในปี 2023 แต่มองว่าจะแผ่วลงเป็น 6.7%/6.6% ในปี 2024-25 ตามลำดับ

• สำหรับช่วงไตรมาส 4/23 NII ที่สูงขึ้นและค่าเบี้ยประกันที่แข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยหลักที่หนุนคาดการณ์การเติบโตแข็งแกร่งที่ 52% YoY แต่เราคาดว่าจะลดลง 9% QoQ ฉุดจากกำไร FVTPL ที่ลดลง

เพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" ด้วยส่วนต่างราคาหุ้นและผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าดึงดูด

เราปรับเพิ่มคำแนะนำจากถือเป็น "ซื้อ" เพราะราคาหุ้นที่น่าดึงดูด และผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจระดับ 24% (upside 16.1% และปันผล 7.9%) ทั้งยังปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานเป็น 56.00 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับเพิ่มประมาณการกำไร คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 10%, TG 2%) อิง 0.8x PBV’24E เทียบเท่าค่าเฉลี่ย 10 ปี