EV (NEUTRAL : TOP PICK : AH) : EV จีนมาแรง
**ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วงปลายปี 23 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีการเติบโตอย่างมาก อย่างเช่นล่าสุดการจัดงาน Motor Expo ที่ BYD มียอดจองรถยนต์ในงานช่วงวันที่ 30 พ.ย.-5 ธ.ค. สูงเป็นลำดับที่ 2 เป็นรองเพียง Toyota เท่านั้น ขณะที่ค่ายรถยนต์ที่มีผู้จองสูงสุด 10 รายแรกเป็นค่ายรถยนต์จากจีนถึง 6 ราย ทำให้เรามองว่าด้วยการเติบโตดังกล่าวจะทำให้ความเป็นไปได้ที่ภายในปี 30 จะมีรถยนต์ที่ผลิตในไทยอย่างน้อย 30% เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยยังคงเห็นการเติบโตได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องติดตามคือการปรับตัวของผู้ผลิตจากประเทศญี่ปุ่นที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตมานานว่าจะเปลี่ยนแปลงเพียงใด ความคืบหน้าล่าสุดคือ TOYOTA และ ISUZU มีแผนผลิตรถกระบะไฟฟ้าในไทยอย่างแน่นอน ส่วนค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นอื่นๆ มีเพียง HONDA ที่มีแผนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่ม แต่ยังต้องรอว่าจะเริ่มเมื่อใด รวมแล้วแม้อุตสาหกรรมยังมีการเติบโต แต่ด้วยความเสี่ยงจากค่ายญี่ปุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงล่าช้า เราจึงยังคงน้ำหนักการลงทุนไว้ที่ “เท่าตลาด” เช่นเดิม โดยยังคงเลือก AH เป็น Top Picks ของกลุ่มเพราะเป็นผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่เริ่มผลิตชิ้นส่วนให้กับรถ EV แล้ว **
**ยอดขาย EV จีนมาแรง **
• หลังจากที่ไทยออกนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ปลายปี 21 เป็นต้นมา และทำให้มีรถยนต์จากจีนเข้ามาขายเพิ่มตั้งแต่ต้นปี 22 ซึ่งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามีการขยายตัวอย่างมาก โดยยอดจดทะเบียนสะสมในช่วง 10M23 สูงถึง 58,000 คัน (+711%YoY) ขณะที่การจัดงาน Motor Expo ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-11 ธ.ค. มียอดจองในงานช่วง 7 วันแรก (30 พ.ย.-5 ธ.ค.) รวมที่ 22,461 คัน โดยค่ายรถยนต์จีนอย่าง BYD มียอดจองสูงถึง 2,627 คัน นอกจากนี้ในยอดจอง 10 อันดับแรก เป็นผู้ผลิตรถยนต์จากจีนถึง 6 ราย
ยอดจองรถญี่ปุ่นในงาน Motor Expo ลดลงแรงโดยเฉพาะกลุ่มรถกระบะ
• ยอดจองรถยนต์จากค่ายญี่ปุ่นอย่าง Mitsubishi และ Isuzu มียอดจองลดลงถึง 36% 18% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของการจัดงานในปีก่อน โดยกลุ่มดังกล่าวมียอดขายรถกระบะค่อนข้างมาก แสดงให้เห็นว่าปัจจุบันตลาดรถกระบะในประเทศได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามการลดลงดังกล่าวอาจกระทบกับผู้ผลิตชิ้นส่วนไม่มากนัก เพราะมีตลาดส่งออกเข้ามาช่วย (ยอดส่งออกรถยนต์ในช่วง 10M23 เพิ่มขึ้น 16%YoY)
**EV 3.5 เป็นความชัดเจนที่ทำให้ตลาด EV ยังขยายตัวได้ **
• จากการที่มาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าระยะที่ 3 (EV3.0) จะสิ้นสุดในช่วงปลายปี 23 นี้ ล่าสุดทางภาครัฐมีการออกนโยบายส่งเสริมเพิ่มเติม โดยจะใช้ระหว่างปี 24- 27 โดยรายละเอียดหลักคือยังคงให้เงินสนับสนุนสำหรับรถยนต์ที่ขายในประเทศอยู่ แต่มีการปรับลดจำนวนเงินช่วยเหลือลงอย่างเช่น รถยนต์ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทมาตรเดิมให้ส่วนลด 150,000 บาท/คัน แต่มาตรการใหม่จะอยู่ที่ 20,000-100,000 บาท/คัน (ขึ้นกับขนาดแบตเตอรี่)
• การที่ยังมามาตรการสนับสนุนดังกล่าวอยู่ ทำให้แนวโน้มการเกิดขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้ายังมีโอกาสเติบโตอยู่ โดยส่วนลดที่น้อยลงคาดว่าผู้ผลิตรถยนต์จะชดเชยโดยการตั้งราคาเริ่มต้นที่ต่ำลงหลังมีเริ่มการผลิตในประเทศแทนการนำเข้า ซึ่งการผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้าดังกล่าว เป็นเงื่อนไขสำคัญที่มีมาตั้งแต่มาตรการ EV3.0 แล้ว
ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย AH เป็นรายเดียวที่เริ่มผลิตแล้ว
• สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เราวิเคราะห์ทั้ง 3 ราย (AH,SAT,STANLY) ณ ปัจจุบันมีเพียง AH เท่านั้นทีมีการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ EV แล้วอย่างเช่นรถยนต์ Vinfast รุ่น VF8 VF9 หรือ BMW iX,i7 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีคำสั่งซื้อจากผู้ผลิตจากจีนรายอื่นเพิ่มเติมอีก รวมถึงลูกค้าหลักอย่าง ISUZU ก็มีแผนผลิตรถกระบะไฟฟ้าในปี 25 เช่นกัน เราจึงมองว่าการเข้ามาของรถยนต์ EV จะไม่กระทบกับ AH แต่อย่างใด ทำให้เรายังคงเลือก AH เป็น Top Picks ของกลุ่ม