Pi STOCK UPDATE : EA (HOLD : FAIR PRICE Bt68.00)

Published
12 June 2023
Share this article:

" อนาคตสดใส "

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและแผนการขยายกิจการในปัจจุบันของ EA นั้นสอดคล้องกับเมกะเทรนด์ด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี แต่ด้วยแนวโน้มการแข่งขันที่ดุเดือดในกลุ่มผู้ผลิตหน่วยกักเก็บพลังงาน (ESS) แผนเชิงรุกในธุรกิจขนส่งสาธารณะภายใต้บริษัทร่วมของ EA ที่ยังไม่สามารถสร้างประโยชน์จากความประหยัดต่อขนาด (economies of scale) บวกกับ upside ที่จำกัดต่อมูลค่าพื้นฐานของเราที่ 68 บาท คำนวณด้วยวิธีรวมส่วนธุรกิจ (SOTP) เราจึงคงคำแนะนำ "ถือ" แต่ควรเน้นย้ำว่าเรายังไม่ได้รวม upside ที่อาจเกิดขึ้นเข้ามาในประมาณการของเรา ซึ่งรวมถึงการขยายกำลังการผลิตในส่วนของการผลิตแบตเตอรี่เป็น 4GWh (คาดเริ่มเดินเครื่อง (COD) ในไตรมาส 1/24) รายได้จากการเทรดคาร์บอนเครดิต MW เพิ่มเติมจากการประมูลโครงการพลังงานทดแทน และนโยบายการส่งเสริมต่าง ๆ จากภาครัฐที่เอื้อผู้ผลิตแบตเตอรี่และสถานีชาร์จ EV ภายในประเทศ

ขาขึ้นสำหรับกลุ่มรถบัส EV

• คาดกำไรปกติปี 2023-25 จะโตเฉลี่ยต่อปีที่ 15.8% หลักๆหนุนจากยอดขายรถบัสและรถบรรทุก EV ที่โตขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มจาก 1,160 คันในปี 2022 เป็น 3,300 คันในปี 2023 และ 4,000-5,000 คันในปี 2024-25 ด้วยแรงขับเคลื่อนหลักจากคำสั่งซื้อของลูกค้ารายหลักอย่างบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด (TSB) ที่เดินรถอยู่ 122 เส้นทางทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยผู้บริหารยังเปิดเผยอีกว่ากำลังเจรจากับกลุ่มบริษัทขนส่งเอกชนรายใหญ่อื่นๆ ขณะที่เราเชื่อว่านโยบายการส่งเสริมจากรัฐบาลชุดใหม่จะรวมถึงการทดแทนรถบัสเก่าระบบเชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยรถบัส EV ตามข้อเสนอขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และพรรคก้าวไกลหลังได้ที่นั่งในสภาฯ มากที่สุดตามผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2023

• ข้อมูลจากกระทรวงคมนาคมคาดว่าจะมีรถบัส EV ออกมาให้บริการได้ 3,100-3,500 คัน (เพิ่มขึ้น 1,850-2,250 คันจากปี 2022) ครอบคลุม 45 เส้นทางภายในสิ้นปี 2023 เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 5.0 แสนตัน ทั้งนี้สมมติฐานของเรามองว่าจำนวนบัสที่คาดจะส่งมอบ 3,300 คันในปี 2023 ก็เป็นตัวเลขที่สูง แต่ถึงกระนั้นก็ยังต่ำกว่าเป้าหมายของ EA ที่ 4,000 คัน

• EA ประเมินอุปสงค์ในปี 2025 ด้วยมูลค่าตลาดแบตเตอรี่ EV สำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ในไทยจะยืนเหนือ 4.5GWh ส่วนแผนการขยายกำลังการผลิตของบริษัทเป็น 2GWh และ 4GWh ในไตรมาส 3/23 และ 1/24 ถือว่าเป็นโครงการที่คาคว่าจะทำผลตอบแทนได้ดี

คาดทิศทางการเติบโตของกำไรจะสะดุดเล็กน้อยในไตรมาส 2/23

• คาดกำไรไตรมาส 2/23 จะลดลง QoQ เพราะปัจจัยลบตามฤดูกาลจากธุรกิจพลังงานลม ที่มักจะมีความเร็วลมและการผลิตไฟฟ้าที่ลดลง แต่คาดว่ากำไรจะยังโตต่อเนื่อง YoY เพราะ 1) ยอดขายรถบัส EV ที่เพิ่มขึ้น (ประเมินไว้ประมาณ 800 คันในไตรมาส 2/23) และ 2) ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพราะคาดว่าหน้าฝนปีนี้จะสั้นกว่าปีก่อนสืบเนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ โดยคาดว่าปัจจัยเหล่านี้จะชดเชยผลกระทบจากราคาขายในธุรกิจไบโอดีเซลที่ลดลงหลังอุปทานล้นตลาดได้

• คาดว่าการฟื้นตัวของกำไร QoQ ในไตรมาส 3/23 จะยังเปราะบางเพราะเป็นช่วง low season สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ (หน้าฝน) และค่าการปรับลดค่า Ft ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แม้ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังลมจะฟื้นตัวก็ตามปัจจัยฤดูกาลก็ตาม

Upside ด้านกำไรจากการเทรดคาร์บอนเครดิต

บริษัทตั้งเป้าจะขายคาร์บอนเครดิตที่ 8.0 แสนตัน/ปีจากธุรกิจพลังงานทดแทนภายใต้การดำเนินงานปกติที่ 5 ชั่วโมง/วัน (3.8 พันล้านตันภายใต้แผนการดำเนินงาน พร้อมระบบกักเก็บพลังงาน ESS ในกรอบเวลา 24 ชั่วโมง) หากบริษัทได้รับใบอนุญาตการเทรดภายในสิ้นปี 2023 ตามที่คาดเอาไว้ เราประเมินว่า EA จะสร้างรายได้จากส่วนนี้ได้อย่างน้อย 86-90 ล้านบาทในปี 2024 อิงราคาขายที่ 107-112 บาท/ตัน ซึ่งเป็นราคาเฉลี่ยที่บันทึกโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (TGO) ทั้งนี้ตัวเลขประมาณการรายได้ดังกล่าวดังยังไม่รวมการขายคาร์บอนเครดิตที่จะได้รับจากธุรกิจขนส่งสาธารณะของบริษัท