SAWAD (BUY : Fair Price : Bt56.50) : ภาพการเติบโตยังมั่นคง

Published
17 November 2023
Share this article:

เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ลดมูลค่าพื้นฐานเป็น 56.50 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 3/23 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท (+17% YoY, +21% QoQ) หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่สูงขึ้น เพราะสินเชื่อที่โตต่อเนื่องและอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่ขยายตัว ทั้งนี้ เราปรับลดประมาณการกำไรลงหลังจากเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ เพื่อสะท้อนการที่ กลยุทธ์การชะลอการเติบโตด้านสินเชื่อของ SAWAD แต่เราคาดว่ากำไรต่อปีจะโตแข็งแกร่ง 15.9% ในปี 2023-25 และยังคาดว่ากำไรรายไตรมาสจะทำยอดสูงในไตรมาส 4/23 ที่ 1.45 พันล้านบาท (+20% YoY, +5% QoQ) จากสินเชื่อที่โตต่อเนื่องและการคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (OPEX) ได้ดีขึ้น

การประชุมนักวิเคราะห์

• เพื่อเน้นคุณภาพสินเชื่อมากขึ้น ทาง SAWAD จึงเข้มงวดกับเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อจักรยานยนต์มากขึ้น ด้วยการปรับลดอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ลง เพื่อจำกัดผลขาดทุนการขายจักรยานยนต์ยึด บริษัทคาดว่าผลขาดทุนส่วนนี้จะลดลงในไตรมาส 4/23 และน่าจะกลับสู่ระดับปกติที่ 100 ล้านบาทในไตรมาส 1/24 หลังขาดทุนไป 330 ล้านบาทในไตรมาส 3/23

• เพื่อชดเชยผลกระทบจากการเติบโตของสินเชื่อที่แผ่วลง SAWAD จึงมีแผนปรับเพิ่มค่าเบี้ยประกัน พร้อมกับลดผลขาดทุนจากการขายจักรยานยนต์ยึด และคุม OPEX ให้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (CIR) ลงตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป

• ผู้บริหารให้แนวทางค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ 150bps ในปี 2024 โดย SAWAD คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ของสินเชื่อจักรยานยนต์จะเพิ่มเป็น 3% ในไตรมาส 4/23 จาก 2.6%-2.7% ในไตรมาส 3 แม้คาดว่า NPL ratio จะสูงขึ้น แต่บริษัทจะเดินหน้าเก็บหนี้เชิงรุกเพื่อกระตุ้นคุณภาพสินเชื่อขึ้น

• SAWAD ยังมีพื้นที่ในการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งจะช่วยหักลบผลกระทบต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้นตามดอกเบี้ยขาขึ้นได้

ภาพการเติบโตกำไรสุทธิที่มั่นคง

เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2023-25 ลงราว 0.5%-2% เพื่อสะท้อนประมาณการการเติบโตของสินเชื่อที่แผ่วลงเป็น 70%/16%/15% จากเดิมที่ 81%/18%/16% ตามลำดับ ถึงกระนั้นก็คาดว่ากำไรต่อปีจะโตแข็งแกร่งที่ 15.9% ในปี 2023-25 โดยเรายังคาดว่ากำไรสุทธิจะทำยอดสูงในไตรมาส 4/23 โต 20% YoY และ 5% QoQ จากสินเชื่อที่โตขึ้น

คงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ลดมูลค่าพื้นบานเป็น 56.50 บาท

เราปรับลดมูลค่าพื้นฐานเป็น 56.50 บาท (จาก 59.00 บาท) เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดประมาณการกำไรลงของเรา มูลค่าพื้นฐานคำนวณด้วยวิธี GGM อิง 2.4x PBV’24E และ 12.9x PE’24E คำแนะนำ "ซื้อ" สะท้อน 1) คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิต่อปีจะโตแข็งแกร่ง 15.9% ในปี 2023-25 2) ปันผลน่าดึงดูด 3) อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ขยายตัว และ 4) ราคาหุ้นที่น่าดึงดูด