Pi STOCK UPDATE : GLOBAL (HOLD : FAIR PRICE Bt17.00)

Published
27 July 2023
Share this article:

" ราคาหุ้นสะท้อนกำไรไตรมาส 2 ที่น่าผิดหวังไปแล้ว "

เราปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ" ที่มูลค่าพื้นฐานเป็น 17.00 บาท (จาก 19.00 บาท) หลังปรับลดประมาณการกำไรปี 2023 ลง 10% เพื่อสะท้อนถึงการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ออกมาต่ำคาดที่ -10% จาก -5% สืบเนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอในกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ซึ่งเป็นภาคที่ผู้คนมักทำงานในภาคเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากรายได้เกษตรกรที่ลดลงในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. 2023 ทั้งนี้ กำไรสุทธิไตรมาส 2/23 อยู่ที่ 703 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราและ Bloomberg consensus คาด กำไรที่ลดลง YoY มีสาเหตุจาก 1) อัตรากำไรที่หดตัวจากราคาสินค้าเหล็กที่หดตัว 2) SSSG ที่ติดลบ 10% และ 3) ค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) ที่สูงขึ้นจากการขยายสาขา

กำไรไตรมาส 2/23 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ

• กำไรสุทธิไตรมาส 2/23 อยู่ที่ 703 ล้านบาท (-32%YoY, -21%QoQ) ส่วนกำไรครึ่งแรกปี 2023 คิดเป็น 57% ต่อประมาณการปี 2023

• การเปิดสาขาใหม่ 3 แห่งในไตรมาส 2/23 ไม่สามารถชดเชย SSSG ที่ลดลงแรงได้ ทั้งนี้ รายได้ไตรมาส 2/23 ลดลงเหลือ 8.5 พันล้านบาท (-8%YoY, -5%QoQ) ฉุดจาก SSSG ที่ติดลบ 10% YoY สืบเนื่องจากราคาขายเฉลี่ยสินค้าเหล็กที่ลดลงตามราคาในตลาดที่ผันผวน ขณะที่คาดว่า SSSG ที่ไม่รวมสินค้าเหล็กจะทรงตัว YoY ส่วน SSSG ไตรมาส 2/23 ในย่านท่องเที่ยว (สมุยและภูเก็ต) อยู่ในแดนบวก YoY

• อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ไตรมาส 2/23 ปรับดีขึ้น QoQ เป็น 25.4% จาก 25.0% ในไตรมาส 1/23 ผลจากการปรับราคาขายปลีก 3%-5% ในเดือน มี.ค. 2023 แต่ GPM ปรับลดลง YoY จาก 26.4% ในไตรมาส 2/22 เพราะอัตรากำไรที่ลดลงในกลุ่มสินค้าเหล็กและต้นทุนที่สูงขึ้นจากเงินเฟ้อ

• SG&A ต่อยอดขายในไตรมาส 2/23 ปรับเพิ่มเป็น 16.7% จาก 14.3% ในไตรมาส 2/22 และ 14.3% ในไตรมาส 1/23 สาเหตุจากยอดขายที่ลดลงและค่าสาธารณูปโภคที่สูงขึ้น รวมถึงต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการขยายสาขาใหม่ในช่วงไตรมาส

• ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุน (JV) ในไตรมาส 2/23 อยู่ที่ 21 ล้านบาท (+147%YoY, -40%QoQ) หนุนจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง แต่ลดลง QoQ เพราะส่วนแบ่งที่หดตัวหลังจากยอดขายในเมียนมาลดลง บวกกับผลกระทบจากบาทอ่อนเมื่อเทียบสกุลเงินอื่นในอาเซียน

**ภาพรวมกำไรที่ไม่สู้ดีในปี 2023 แต่จะดีขึ้นในปี 2024 **

• เราคาดว่ากำไรปกติปี 2023 จะลดลง 18%YoY สืบเนื่องจาก 1) คาดการณ์ว่า SSSG จะติดลบ 10% เพราะราคาขายสินค้าเหล็กที่ลดลง 2) อัตรากำไรกลุ่มสินค้าเหล็กที่หดตัว และ 3) ค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (OPEX) ที่สูงขึ้นจากการขยายสาขา แต่เราคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวดี 16% YoY ในปี 2024 หนุนจากการขาดหายไปของปัจจัยกดดันด้านราคาสินค้าเหล็กและคาดการณ์ว่า SSSG จะบวก 1.5%

ขาดปัจจัยบวกสำคัญในระยะสั้น แต่หุ้นไม่แพง

มูลค่าพื้นฐานที่ 17.00 บาทของเราคำนวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) (WACC 7.9%, TG 1.5%) อิง 30.4xPE’23E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน