Pi STOCK UPDATE : IRPC (BUY : FAIR PRICE Bt2.75)

Published
Share this article:

" ซื้อที่จุดต่ำ "

เราปรับเพิ่มคำแนะนำจากถือเป็น "ซื้อ" พร้อมกับมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 2.75 บาท ประเด็นความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยและผลกระทบที่อาจส่งมาถึงกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีคือปัจจัยที่ฉุดราคาและมูลค่าพื้นฐานลงต่ำกว่า -1SD ต่อค่าเฉลี่ย PBV 5 ปี ขณะที่เราเล็งเห็นแนวโน้มกำไรฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 23 และปี 2024 ที่จะมาช่วยหนุนราคาหุ้นและเปิดโอกาสในการเข้าสะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาวได้ ในด้านค่าการกลั่นที่ลดลงในไตรมาส 2/23 จะฉุดกำไรของ IRPC ลงชั่วคราว แต่ภาพรวมครึ่งหลังปี 2023 ยังเป็นบวก เพราะการเติบโตด้านอุปสงค์จากจีนจะช่วยฟื้นฟูอัตรากำไรของทั้งธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นขึ้นได้

**พลิกฟื้นเป็นกำไรในไตรมาส 1/23 **

กำไรสุทธิไตรมาส 1/23 อยู่ที่ 301 ล้านบาท ลดลง 80% YoY แต่พลิกฟื้นจากขาดทุนในไตรมาส 4/22 แม้กำไรขั้นต้นเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ของตลาด (market GIM) จะโต 67% แต่กำไร YoY ที่ลดลงเป็นผลจากขาดทุนสต็อกน้ำมัน US$2.9/บาร์เรลในไตรมาส 1/23 เทียบ US$10/บาร์เรลในไตรมาส 1/22 ส่วนในเชิง QoQ ขาดทุนสต็อกน้ำมันลดลงจาก US$17.0/บาร์เรลในไตรมาส 4/22 บวกกับ market GIM ที่พุ่งขึ้น 82% และอัตราการดำเนินงานด้านน้ำมันดิบหลังกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานทำให้กำไรโตขึ้น QoQ

คาดธุรกิจปิโตรเคมีจะทรงตัว แต่โรงกลั่นหดตัวลง

คาดกำไรไตรมาส 2/23 จะอ่อนตัวลง QoQ จากส่วนแบ่งกำไรธุรกิจโรงกลั่นที่ลดลง (49% ของ EBITDA ปี 2022) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/23 ลดลงมาอยู่ที่ US$3.56/บาร์เรล หรือลดไปเกือบ 56% จากค่าเฉลี่ยไตรมาส 1/23 เป็นผลจาก 1) อุปทานผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ล้นเกินเพราะการส่งออกจากรัสเซียและจีนที่สูงขึ้น และ 2) อุปสงค์ดีเซลที่ลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ดี เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อภาพรวมในครึ่งหลังปี 2023 และปี 2024 เพราะคาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะฟื้นตัวจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในจีน

ขณะที่ประเมินว่าอุปสงค์สำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะยังทรงตัวในไตรมาส 2/23 นอกจากนี้ก็ยังมีสัญญาณการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ให้เห็นในไตรมาส 1/23 จากการที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (P2F) โดยเฉลี่ยปรับเพิ่มเป็น US$3.9/บาร์เรล จาก US$1.73/บาร์เรลในไตรมาส 1/22 และ US$0.54/บาร์เรลในไตรมาส 4/22 หนุนจากส่วนต่างราคา PP และอะโรเมติกส์ที่ปรับดีขึ้น ทั้งนี้ แม้การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะกดดันอุปสงค์ปิโตรเคมีในไตรมาส 2 ถึงครึ่งหลังปี 2023 ลง แต่เราเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของอุปสงค์จากจีนที่จะมาช่วยกัน downside ต่อส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ได้ โดยเรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อภาพรวมปี 2024-25 เพราะอุปสงค์จะโตมากกว่ากำลังการผลิตส่วนเพิ่มจากทั่วโลก (HDPE PP ABS)

เพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 2.75 บาท

เราปรับลดมูลค่าพื้นฐานลง 17% จาก 3.30 บาท เป็น 2.75 บาท แต่เพิ่มคำแนะนำจากถือเป็น "ซื้อ" ราคาหุ้นที่ลดลงล่าสุดเป็นผลจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย แต่เรามองว่าราคาหุ้นที่ไม่แพงและการฟื้นตัวของกำไรในครึ่งหลังปี 2023 และปี 2024 จะหนุนราคาหุ้นขึ้นได้หลังจากนี้ จึงถือเป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีสำหรับนักลงทุนระยะยาว ทั้งนี้ มูลค่าพื้นฐานของเราอิง 0.65x PBV’23E หรือ -1SD ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี