ฺBANKING (NEUTRAL : TOP PICK : KBANK, TTB) : สินเชื่อ และ NIM ลดลงกดดันกำไรใน 2Q24

Published
Share this article:

คาดผลกำไรสุทธิรวมของธนาคาร 8 แห่งใน 2Q24 ที่ 56 พันล้านบาท (+3.8% YoY, -1.3% QoQ) และกำไรสุทธธิรวมใน 1H24 ที่ 112.7 พันล้านบาท (+6.7% YoY) ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวเปาะบางเป็นปัจจัยกดดันการขยายตัวสินเชื่อ และ NIM ปรับลดลงต่อเนื่องจากต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ขณะที่คุณภาพสินเชื่อทรงตัว และธนาคารกันสำรองหนี้ฯ รองรับสินเชื่อกลุ่มอ่อนแอล่วงหน้าไปบางส่วนในปี 2023 กอปรกับเงินกองทุนแข็งแกร่งรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต ทำให้ธนาคารสามารถผ่อนคลายสำรองหนี้ฯ ลงเป็นปัจจัยช่วยลดทอนผลกระทบจากสินเชื่อ และ NIM ได้ใน 2Q24 สำหรับในปี 2024 กำไรสุทธิรวมมีแนวโน้มเติบโตชะลอตัวที่ 7.6% YoY (2023: +18.4%) แต่ ROE ยังคงสูงขึ้นได้ต่อเนื่องที่ 9.1% ในปี 2024 (2023: 8.8%) แม้อัตราการเติบโตจะไม่โดดเด่น แต่อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ 7% ในปี 2024 และ Valuation ไม่แพง กลุ่มธนาคารซื้อขายที่ 0.5x PBV’24E หรือ -1.0SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี เราคงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" เลือก KBANK และ TTB เป็นหุ้นเด่น

แนวโน้มกำไรสุทธิรวมใน 2Q24 เติบโตไม่เด่น แต่ยังควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ดี

• คาดธนาคาร 8 แห่ง (รวม TCAP) จะรายงานกำไรสุทธิรวมใน 2Q24 ที่ 56 พันล้านบาท (+3.8% YoY, -1.3% QoQ) โดยกำไรเติบโต YoY หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น และสำรองหนี้ฯ ลดลง แต่กำไรจะลดลง QoQ เนื่องจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากสินเชื่อหดตัว และ NIM ลดลง รวมทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมอ่อนแอผลจากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า และภาวะการลงทุนผันผวน

• เราคาดว่าจะไม่มีธนาคารที่รายงานกำไรเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ใน 2Q24 โดย (1) KBANK KTB TTB เป็นกลุ่มที่กำไรสุทธิเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ (2) BBL SCB TISCO เป็นกลุ่มที่กำไรโต QoQ แต่ลดลง YoY และ (3) KKP TCAP เป็นกลุ่มที่กำไรสุทธิลดลง YoY และ QoQ

สินเชื่อรวมใน 2Q24 หดตัว QoQ แต่ยังปรับเพิ่มเล็กน้อย 0.2% YTD ใน 1H24

• ผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเปาะบางและไม่ทั่วถึงทำให้ความต้องการสินเชื่อชะลอตัว ธนาคารคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อใหม่ เราคาดว่าสินเชื่อรวมใน 2Q24 จะลดลง 0.5% QoQ (+0.1% YoY) แต่จะเพิ่มขึ้น 0.2% YTD ใน 1H24

• แม้ธนาคารเน้นกลยุทธ์ตั้งรับทำให้สินเชื่อไม่โต แต่ทำให้ควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ดี เราคาดว่า NPL ratio เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารจะทรงตัว QoQ ที่ 3.6% เป็นผลให้ธนาคารสามารถผ่อนคลายการตั้งสำรองหนี้ฯ ลงได้ และคาดว่า Coverage ratio ของกลุ่มธนาคารยังทรงตัวสูงที่ 183.6% ใน 2Q24 รองรับความไม่แน่นอนในอนาคต

กำไรสุทธิรวมในปี 2024 เติบโตชะลอตัว หลังวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุดในปี 2023

• ท่ามกลางเศรษฐไทยฟื้นตัวช้าใน 1H24 เรายังมีมุมมองบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยใน 2H24 ที่จะได้แรงหนุนหลักจากเม็ดเงินจากการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2024-25 มาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการฟื้นตัวแข็งแกร่งในภาคการท่องเที่ยว เรามองว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารอาจกลับมาเติบโตดีขึ้นได้ใน 3Q24 และปรับลดลงเป็นระดับต่ำสุดของปีไตรมาสสุดท้าย เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2024-25 แต่ในอัตราชะลอตัวที่ 7.6%/7.3% ในปี 2024-25 (2023: +18.4%) โดยคาดว่า TTB จะมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิโดดเด่น 14% ในปี 2024 และ BBL (+9.7%) KBANK (+9.1%) โดยจะมีเพียง TISCO ที่คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2024 จะลดลง 3.3%

• แม้กำไรของกลุ่มธนาคารจะเติบโตชะลอตัว แต่คาดว่า ROE จะปรับสูงขึ้นต่อเนื่องเป็น 9.1%/9.3% ในปี 2024-25 (2023: 8.8%) ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับลดลงส่วนหนึ่งจากความกังวลด้านเศรษฐกิจ และเสถีรภาพทางการเมืองในประเทศ ทำให้ Valuation ของกลุ่มธนาคารซื้อขายที่เพียง 0.5x PBV’24E

• เงินกองทุนของธนาคารแข็งแกร่งและสภาพคล่องเพียงพอ เราคาดว่าธนาคารจะจ่ายเงินปันผลสูงขึ้นได้ในปี 2024-25 ล้อกับความสามารถทำกำไรที่ดีขึ้น โดยเราคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยที่ 7%/7.4% ในปี 2024-25

**คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” KBANK และ TTB เป็นหุ้นเด่น **

เราคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” เพราะแม้เรามองว่าอัตราการเติบโตของกำไรจะไม่โดดเด่น แต่พื้นฐานของธนาคารยังแข็งแกร่ง อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง และ Valuation ไม่แพง กลุ่มธนาคารซื้อขายที่ 0.5x PBV’24E หรือ -1.0SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี และธนาคารส่วนใหญ่ยังคงซื้อขายที่ระดับ P/BV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี