STEC (BUY : Fair Price : Bt 12.00) : เริ่มต้นปี 1Q24 ไม่ดีนักเพราะเหลือง+ชมพู

Published
08 May 2024
Share this article:

ภาพรวม 1Q24 เราคาดว่าผลประกอบการจะไม่สดใสนัก เราคาดว่าจะขาดทุนประมาณ 34 ล้านบาท เพราะได้รับแรงกดดันจากส่วนแบ่งของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูที่มีผลขาดทุนเข้ามามากกว่าที่คาดไว้ ขณะที่รายได้ยังทรงตัวจากปีก่อนเท่านั้น เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่อย่างโรงไฟฟ้าโซล่าเซลล์ของ GULF ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทั้งนี้เรามองว่าในแง่รายได้จะค่อยๆฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q24 เป็นต้นไป เพราะงานหลักอย่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้จะมีความคืบหน้ามากขึ้นหลังเริ่มขุดเจาะอุโมง รวมถึงงานโรงไฟฟ้าโซล่าเซลล์ข้างต้น อย่างไรก็ตามจากการที่ 1Q24 มีแนวโน้มขาดทุนทำให้เราอาจจะมีการปรับ กำไรสุทธิทั้งปีลงจากเดิม 547 ล้านบาท หลังประกาศผลประกอบการ

คาด 1Q24 พลิกขาดทุน 34 ล้านบาท

• เราคาดว่า 1Q24 STEC จะขาดทุน 34 ล้านบาท จากที่มีกำไรสุทธิ 171 ล้านบาทใน 1Q23 และ 74 ล้านบาทใน 4Q23 ได้รับแรงกดดันจากส่วนแบ่งขาดทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู ที่มีผลขาดทุนเข้ามามากกว่าคาดหลังจำนวนผู้โดยสารยังต่ำกว่าจุดคุ้มทุน

• รายได้คาดที่ 6,474 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน แต่ลดลง 20%QoQ) รายได้ที่ลดลงจากไตรมาสก่อนเพราะเป็นช่วงเร่งก่อสร้างในช่วงปลายปีทำให้มีความคืบหน้าเข้ามามาก

• กำไรขั้นต้นรวมที่ 4.9% ลดลงจาก 5.9% ใน 1Q23 เพราะปีก่อนยังคงไม่ได้รับกระทบจากค่าซ่อมงานบึงหนองบอนเข้ามา (เริ่มรับรู้ตอน 2Q23) และ 5.1% ใน 4Q23 เพราะงานที่มีกำไรสูงมีสัดส่วนลดลง ด้านค่าใช้จ่ายในการบริหารคาดที่ 192 ล้านบาททรงตัวจากปีก่อน แต่ลดลง 34%QoQ เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานเข้ามา

• ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม 128 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20,815%YoY,+152%QoQ เพราะเริ่มรับรู้ผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูเข้ามาเป็นไตรมาสแรก รวมกับสายสีเหลืองที่มีผู้โดยสารเฉลี่ยลดลง 4%QoQ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขขาดทุนมากกว่าที่เคยคาดไว้ว่าจะขาดทุนไตรมาสละ 70-80 ล้านบาท

**รายได้ค่อยๆ ฟื้น ตามฐาน Backlog **

เราคาดว่ารายได้ในช่วงที่เหลือของปีจะค่อยๆ เห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เพื่อให้เป็นไปตามเป้ารายได้ที่ระดับ 30,000 ล้านบาท จากฐาน Backlog ที่มีกว่า 90,000 ล้านบาท โดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงตอนใต้ที่ปัจจุบันเริ่มขั้นตอนการขุดอุโมงแล้ว รวมถึงงานโรงไฟฟ้าโซล่าเซลล์ของ GULF มูลค่ากว่า 5,200 ล้านบาท ที่เป็นโครงการ ที่มีระยะเวลาก่อสร้าง 1 ปีเท่านั้น แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือ ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมอย่างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูที่ปัจจุบันผู้โดยสารยังคงต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้อย่างมาก ซึ่งเดือน เม.ย. มีผู้โดยสารรายวันเพียง 28,000-44,000 คน/วัน เท่านั้น ยังต่างกับจุดคุ้มทุนที่จะอยู่ในระดับ 100,000 คน/วัน อย่างมาก

กำไรปี 24 อาจจะต้องปรับลดลง

จากผลประกอบการงวด 1Q24 ที่คาดว่าจะขาดทุน ทำให้กำไรทั้งปีที่เราเคยประเมินไว้ที่ 547 ล้านบาท อาจจะเป็นตัวเลขที่สูงไป โดยเราอาจจะมีการปรับประมาณการหลัง การประกาศผลประกอบการคำแนะนำการลงทุน ระยะสั้นมีปัจจัยลบจากผลประกอบการที่คาดว่าจะขาดทุน แต่ระยะยาวมีปัจจัยบวกจากการเปิดประมูลงานใหม่ของภาครัฐ ทำให้เราแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” โดยอ้างอิงตามการเปิดประมูลงานใหม่เท่านั้น โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 12 บาท (1XPBV’24E)