AH (BUY : Fair Price : Bt 31.65) : ปีนี้โตจากต่างประเทศ
เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 31.65 บาท (6.3XPER’24E) เพราะมองว่าราคาหุ้นตอบรับกับปัจจัยลบเรื่องการชะลอตัวของตลาดรถกระบะไปค่อนข้างมากแล้ว ซึ่งทางผู้บริหารของ AH ให้ข้อมูลว่าได้รับคำสั่งซื้อจากกลุ่มอื่นเข้ามาชดเชย ทั้งนี้การเติบโตในปี 24 นี้จะมาจากต่างประเทศเป็นหลักทั้งที่โปรตุเกสและจีน ส่วนงานรถยนต์ EV คาดว่าจะมีเข้ามาเพิ่มประมาณ 20%YoY โดยจะมีทั้งงานในไทยและต่างประเทศ (ในประเทศคาดว่าจะเห็นชัดเจนในช่วงต้นปี 25 เป็นต้นไป) ทั้งนี้เราประเมินรายได้ในปี 24 อยู่ที่ 30,981 ล้านบาท (+3%YoY) และประเมินกำไรสุทธิที่ 1,782 ล้านบาท (+11%YoY)
**4Q23 กำไรสุทธิ 138 ล้านบาท (-66%YoY,-73%QoQ) **
• AH มีกำไรสุทธิงวด 4Q23 เพียง 138 ล้านบาท (-66%YoY,-73%QoQ) แต่ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายการพิเศษที่เข้ามามากอย่างเช่นผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 153 ล้านบาท และรายการปรับปรุงจากการขายเงินลงทุน SCAL สุทธิจากภาษีอีกประมาณ 130 ล้านบาท ทำให้มีกำไรปกติที่ระดับ 421 ล้านบาท (-29%YoY,-3%QoQ) เทียบกับปีก่อนที่ลดลงแรงส่วนหนึ่งมาจากกำไรขั้นต้นที่ลดลงและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ไม่มีส่วนแบ่งจากฮุนไดเข้ามา
• รายได้ที่ 7,131 ลบ. (-9%YoY,-7%QoQ) ลดลงตามอุตสาหกรรมในไทยที่ยอดการผลิตรถยนต์ลดลง 12%YoY,2%QoQ แม้รายได้จากธุรกิจที่มาเลเซียจะเพิ่มขึ้น 20%YoY,3%QoQ ก็ตาม
• อัตรากำไรขั้นต้นที่ 11.5% ลดลงจาก 13% ใน 4Q22 และ 11.7% ใน 3Q23 เพราะรายได้ที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 438 ลบ. +6%YoY เพราะปีก่อนมีการกลับรายการรับคืนค่าธรรมเนียมกฎหมายประมาณ 57 ล้านบาท -4%QoQ
• ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ 68 ล้านบาท (-29%YoY,-16%QoQ) เพราะไม่มีส่วนแบ่งจากฮุนไดเข้ามา รวมถึงมีผลขาดทุนจากบริษัทใหม่อย่าง พูเร็ม ที่มีค่าใช้จ่ายในช่วงเริ่มต้นเข้ามาก่อนรายได้• รวมทั้งปี 23 AH มีรายได้ 30,034 ล้านบาท (+7%YoY) และมีกำไรสุทธิ 1,610 ล้านบาท (-12%YoY)
ปี 24 คาดต่างประเทศโตดีกว่า
ภาพรวมปี24 AH คาดว่าการเติบโตจะมาจากต่างประเทศมากกว่าทั้งที่โปรตุเกสและจีน เพราะยังมีคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในประเทศไทยคาดว่าจะได้รับผลกระทบบ้างจากการชะลอตัวของตลาดรถกระบะ แต่ AH แจ้งว่ามีคำสั่งซื้อจากชิ้นส่วนอื่นเข้ามาแทน ด้านคำสั่งซื้อจากผู้ผลิตชิ้นส่วน EV จากจีนที่มาตั้งโรงงานในไทย คาดว่าจะเห็นชัดเจนในปี 25 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามในปี 24 นี้ AH ตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มรถ EV เพิ่มขึ้น 20%YoY มาอยู่ที่ระดับ 1,200 ล้านบาทสำหรับคำสั่งซื้อใหม่ที่มีมูลค่าสูง AH แจ้งว่าจะเริ่มรับรู้อีก 2 ปีข้างหน้า โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานเพื่อผลิตชิ้นส่วนดังกล่าว
**แนะนำ “ซื้อ” เพราะราคาหุ้นรับข่าวร้ายไปมากแล้ว **
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 31.65 บาท (6.3XPER’24E โดยปรับมาใช้ระดับ PER ย้อนหลัง 5 ปี) ด้วยเหตุผลที่มองว่าราคาหุ้นตอบรับกับปัจจัยลบเรื่องการชะลอตัวของรถกระบะไปมากแล้ว ซึ่ง AH ยังมีตลาดในต่างประเทศอื่นมาชดเชยได้ โดยเราประเมินรายได้เติบโต 3% มาอยู่ที่ 30,981 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,782 ล้านบาท (+11%YoY)