TTB (HOLD : Fair Price : Bt 2.00) : การเติบโตอ่อนแอกว่าคาด แต่เงินปันผลสูง
**เราปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ" และปรับมูลค่าพื้นฐานเหลือ 2.00 บาท (เดิม 2.20 บาท) สะท้อนการปรับความสามารถทำกำไรลดลง คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 8%, TG 2%) อิงจาก 0.8x PBV’25E และ 9.5x P/E’25E หลังการประชุมนักวิเคราะห์ เรามองว่าการขยายสินเชื่อ และ NIM จะอ่อนแอกว่าคาดไว้จากผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ดังนั้น เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิลง 7%/11% ในปี 2025-26 ส่งผลให้คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2025 ปรับลดลง 2.7% และทรงตัวในปี 2025 อย่างรก็ดี การซื้อหุ้นคืน และผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ราว 6.6% ในปี 2025 ช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้น สำหรับในงวด 1Q25 กำไรสุทธิออกมาที่ 5.1 พันล้านบาท (-5% YoY, +0.5% QoQ) กดดันจากจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง โดย NPL ratio ปรับสูงขึ้นเล็กน้อยที่ 2.7% จากฐานสินเชื่อที่ลดลงเป็นหลัก และ Coverage ratio ลดลงที่ 150% **
ประชุมนักวิเคราะห์
• ธนาคารยังไม่สามารถประเมินผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ อย่างไรก็ดี มองว่าความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ทำให้การขยายสินเชื่อมีความท้าทาย ธนาคารเข้มงวดและควบคุมคุณภาพสินเชื่อ ลดความเสี่ยงหนี้เสียเพื่อลดต้นทุนความเสี่ยง
• โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” สินเชื่อที่เข้าเกณฑ์ราว 73 พันล้านบาท (6% ของสินเชื่อรวม) โดยสิ้น ณ เดือน มี.ค. สินเชื่อที่ได้เข้าโครงการมีราว 28 พันลบ. (28% ของ 73 พันลบ.) ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะกดดันรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และ NIM ลดลง ขณะที่ธนาคารจะรับรู้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มเข้ามาตั้งแต่ใน 2Q25 จากการชดเชยรายได้จากกองทุนฟื้นฟูฯ และเมื่อคุณภาพควบคุมได้ดีขึ้นส่งผลให้ Credit cost ลดลงตามมา โดยใน 1Q25 ธนาคารปรับลดชั้นเชิงคุณภาพ (Qualitative downgrade) จากสินเชื่อปกติเป็น Stage 2 ทำให้ตั้งสำรองหนี้ฯ เพิ่มพิเศษ (Management Overlay) ราว 1 พันลบ.
• การบริหารเงินกองทุนที่มีประสิทธิภาพมาจากการจ่ายเงินปันผลสูง และการซื้อหุ้นคืน ซึ่งทางธนาคารประกาศการซื้อหุ้นคืนรวม 21 พันลบ. รวมระยะเวลา 3 ปี (2025-27) ปีละ 7 พันลบ. และหลังจาก 3 ปี ธนาคารจะลดทุนด้วยการตัดจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน
• ในปี 2024 ธนาคารปิดสาขาลง 60 สาขา และปิดเพิ่มอีก 15 แห่งใน 1Q25 จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานในปี 2025-26
ความท้าทายทางเศรษฐกิจกดดันการเติบโตอ่อนแอกว่าคาด
• เศรษฐกิจไทยมีความท้าทายสูงขึ้นผลกระทบจาก (1) การปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐทำให้สินเชื่อชะลอตัวมากกว่าคาด และธนาคารรัดกุมการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เราคาดสินเชื่อจะปรับลดลง 5% ในปี 2025 (เดิม -0.8%) และทรงตัว ในปี 2026 (เดิม +0.4%) และคาดมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ทำให้ปรับ NIM ลดลง 13/20 bps เหลือ 3.1%/3.0% ในปี 2025-26
• เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิลดลง 7%/11% ในปี 2025-26 ส่งผลให้คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2025 จะลดลง 2.7% และทรงตัวในปี 2026 กดดันจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงเป็นหลัก
• ด้วยฐานเงินกองทุนแข็งแกร่ง คาดว่า TTB จะรักษาการจ่านยเงินปันผลสูง คาดผลตอบแทนเงินปันผลสูง 6.6% ในปี 2025