STECON (BUY : Fair Price : Bt 9.40) : ปรับกำไรเพิ่มหลังไม่ต้องรับรู้เหลืองชมพู
**เราแนะนำ “ซื้อ” (TP 9.4 บาท) ด้วยปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลประกอบการช่วง 2H25 ยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่องจาก 1H25 ทั้งจากฐาน Backlog ที่มีอยู่กว่า 100,000 ล้านบาท และการไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูไตรมาสละกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่การเซ็นสัญญางานใหม่มีงานภาคเอกชนที่รอเซ็นอีกกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เป็นไปตามเป้าที่จะมีงานใหม่เข้ามาที่ 50,000 ล้านบาท สำหรับธุรกิจอื่นล่าสุดมีการลงทุนใน Start up แล้ว 2 รายเงินลงทุนรวมประมาณ 120 ล้านบาท เช่นเดี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจ Data Center คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเซ็นสัญญาได้ในช่วงปลายปี 25 นี้ **
**2Q25 กำไรสุทธิ 512 ล้านบาท (+1,927%YoY,+50%QoQ) **
• STEC มีกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 512 ล้านบาท (+1,927%YoY,+50%QoQ) กำไรเติบโตดีมาจาก 2 ปัจจัยคือ 1.การรับรู้เงินประกันโครงการบึงหนองบอนประมาณ 400 ล้านบาท 2. การปรับวิธีรับรู้บัญชีในบริษัทรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู ที่ทำให้ไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากสองบริษัทดังกล่าวและมีกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเข้ามาอีก 29 ล้านบาท หากไม่รวมสองรายการดังกล่าวจะมีกำไรปกติที่ระดับ 162 ล้านบาท (+543%YoY,-52%QoQ) ต่ำกว่าที่เราคาดไว้เล็กน้อยเพราะค่าใช้จ่ายในการบริการเพิ่มขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงาน
• รายได้ที่ 8,789 ล้านบาท (+4%YoY,+35%QoQ) มีปัจจัยบวกจากงานโรงไฟฟ้าโซล่าร์เซลล์ งานรถไฟฟ้าสายสีส้มและม่วงใต้ที่มีความก้าวหน้าของงานก่อสร้างมากขึ้น
• กำไรขั้นต้นที่ 7.2% เพิ่มขึ้นจาก 2.8% ใน 1Q24 เพราะปีก่อนมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงบึงหนองบอนเข้ามา แต่ลดลงจาก 7.6% ใน 1Q25 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากส่วนผสมรายได้ของแต่ละโครงการค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ 373 ล้านบาท (+54%YoY,+81%QoQ) ตามที่กล่าวไปข้างต้น
• ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมที่ 22 ล้านบาท (-87%YoY,-84%QoQ) ลดลงเพราะไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากสายสีเหลืองและชมพู โดยผลขาดทุนส่วนใหญ่มาจากโครงการสนามบินอู่ตะเภา
ธุรกิจก่อสร้างไปต่อ ส่วนธุรกิจอื่นมีความคืบหน้ามากขึ้น
ภาพรวมช่วง 2H25 ธุรกิจก่อสร้างคาดว่าจะมีงานใหม่เข้ามาอย่างน้อย 25,000 ล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายงานใหม่ในปีนี้ที่ 50,000 ล้านบาท (1H25 มีการเซ็นงานใหม่ 25,970 ล้านบาท) ซึ่งงานใหม่ในช่วง 2H25 มีงานเอกชนในกลุ่ม Data Center ประมาณ 22,000 ล้านบาท ทำให้ลดความเสี่ยงหากงานภาครัฐฯ มีการชะลออกไปอีก ณ สิ้น 1H25 มี Backlog ที่รวมงานสนามบินอู่ตะเภาด้วยที่ 126,890 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจอื่นที่ STECON เข้าไปลงทุนความคืบหน้าล่าสุดคือมีการเข้าลงทุนใน Start up 2 แห่งเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ ALICE ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารงานก่อสร้าง และ ASPERITAS ที่เชี่ยวชาญด้าน ระบบระบายความร้อนของอุกรณ์อีเล็กทรอนิกส์ รวมถึง Data Center เงินลงทุนดังกล่าวมีประมาณ 120-130 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจ Data Center คาดได้ข้อสรุปในช่วงปลายปีนี้
ปรับกำไรปี 25 ขึ้น 91%
จากการไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากรถไฟฟ้า 2 สาย (ที่เดิมรับรู้ขาดทุนประมาณ 500 ล้านบาท/ปี) รวมกับรายได้ที่ออกมาดีทำให้เราปรับกำไรทั้งปีขึ้นจากเดิม 91% มาอยู่ที่ 1,061 ล้านบาท โดยคาด 2H25 ผลประกบการจะปรับตัวดีขึ้นได้ต่อเนื่องจากฐาน Backlog ที่อยู่สูง ดังนั้นจากปัจจัยบวกข้างต้น เราจึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” เก็งกำไรเช่นเดิม และประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 9.4 บาท (13.5XPER’25E)