STANLY (HOLD : Fair Price : Bt 198.00) : คาด FY2Q25 ไม่ดีนัก

Published
Share this article:

เรายังคงแนะนำเพียง “ถือ” เพื่อรับเงินปันผลที่คาดว่าทั้งปีจะยังจ่ายในระดับสูงอยู่ (คาดผลตอบแทนระดับ 7-8%) ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการงวด FY2Q25 เราคาดว่าจะเห็นการลดลงอย่างมากของกำไรสุทธิเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากจะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายในการควบรวมโรงงานตามแผนการลดต้นทุนของบริษัทเข้ามากว่า 245 ล้านบาทรวมถึงการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการลดลงอย่างมาก (ส่วนเทียบกับ FY1Q25 คาดว่าจะโตได้เล็กน้อยจากเงินปันผล) สำหรับระยะยาวเรามองว่า STANLY มีโอกาสเติบโตได้เพราะปัจจุบันมีการปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ทำให้มีการรับงานจากบริษัทในกลุ่ม STANLY ซึ่งจะมาชดเชยกับการชะลอตัวของยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศ

คาด FY2Q25 กำไรสุทธิ 316 ล้านบาท

• เราคาดว่า STANLY จะมีกำไรสุทธิงวด FY2Q25 (ก.ค.-ก.ย. 24) ที่ 312 ล้านบาท (-37%YoY,+2%QoQ) โดยได้รับแรงกดดันจากการบันทึกค่าใช้จ่ายในการตัดบัญชีและด้อยค่าของเครื่องจักรที่เกิดจากการควบรวมโรงงานเพื่อรับกับการชะลอตัวของอุตสาหกรรมมูลค่ารวมกว่า 245 ล้านบาท

• รายได้คาด 3,175 ล้านบาท (-15%YoY,+6%QoQ) เทียบกับปีก่อนลดลงตามอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว ส่วนเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้นตามจำนวนวันทำงานมากขึ้น

• กำไรขั้นต้นคาดที่ 20% ดีขึ้นจาก 16.3% ใน FY2Q24 และ 18.4% ใน FY1Q25 เกิดจากผลดีของการควบคุมต้นทุนที่เข้มงวดมากขึ้น อย่างเช่นการควบรวมโรงงานทำให้มีค่าใช้จ่ายลดลงเป็นต้น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 531 ล้านบาท (+89%YoY, +90%QoQ) เพราะมีค่าใช้จ่ายการควบรวมโรงงานตามที่กล่าวไปข้างต้น (โดยยังเหลือบันทึกอีก 90 ล้านบาทในช่วง FY2H25)

• ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ 94 ล้านบาทใกล้เคียงกับ FY1Q25 แต่เพิ่มขึ้น 8%YoY รายได้อื่น 193 ล้านบาท +9%YoY,+289%QoQ เพราะมีเงินปันผลรับเข้ามา (FY1Q25 ไม่มี)

ผลจากการปรับโครงสร้างคาดเห็นชัดในช่วง FY2H25

ผลจากการควบรวมโรงงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายลงรวมถึงการปรับโครงสร้างบริษัทที่จะมีความร่วมมือกับบริษัทแม่จากประเทศญี่ปุ่นที่จะทำให้มีโอกาสรับคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามาอย่างเช่นสินค้ากลุ่มแม่พิมพ์ที่เริ่มเห็นตั้งแต่ FY1Q25 ที่ผ่านมา ซึ่งผลกระทบดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มเห็นตั้งแต่ปลายปีงบประมาณ 25 (เม.ย.24-มี.ค.25) เป็นต้นไป

ระยะกลาง-ยาว แนะนำ “ถือ” เพื่อรับปันผล

หากกำไรสุทธิออกมาตามคาด กำไรสุทธิในช่วง FY1H25 จะคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 43% ของกำไรทั้งปีที่เราคาดไว้ที่ 1,444 ล้านบาท (-18%YoY) โดยเราจะรอสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางผู้บริหารอีกครั้งก่อนจะมีการปรับประมาณการ สำหรับคำแนะนำการลงทุนเรายังคงคำแนะนำให้ลงทุนในระยะยาวเป็นหลัก เพราะมองว่า STANLY เป็นผู้นำในกลุ่มผู้ผลิตไฟให้รถยนต์ที่ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของรถยนต์ทำให้หากในอนาคตภาพรวมอุตสาหกรรมฟื้นตัว STANLY จะได้รับผลดีตามไปด้วย แต่ด้วยราคาหุ้นปัจจุบันสูงกว่ามูลค่าเหมาะสมที่เราคาดไว้แล้ว (198 บาท 10.5XPER’25E) เราจึงแนะนำเพียง “ถือ” เพื่อรับเงินปันผลที่คาดว่าจะมีผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 7-8%