Macro View : ตรวจสอบสุขภาพตลาดหุ้นผ่าน 10Y-3M US Bond Yield

Published
Share this article:

Scope :

• เรากลับนำเสนอเรื่อง Yield Curve ซึ่งครั้งล่าสุดที่พอจะจำความได้เกือบปีมาแล้วที่ได้หยิบ Yield Curve มาอธิบายเรื่องเงินเฟ้อและหลายๆครั้ง เราอธิบายถึงโอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยกับเส้น Inverted yield curve

• นักวิเคราะห์มักให้น้ำหนักกับความสัมพันธ์ระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นเทียบกับระยะยาวเพื่อพยากรณ์เศรษฐกิจและหลายตัวแปรที่น่าสนใจ เงินเฟ้อเป็นหนึ่งปัจจัยที่ตลาดเชื่อว่า Yield curve สามารถใช้บอกและคาดการณ์ สำหรับครั้งนี้ เรานำอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี เปรียบเทียบกับระยะ 3 เดือน จะพบความสัมพันธ์กับดัชนี S&P 500 อาทิ

  1. ยิ่ง Inverted Yield Curve กินระยะเวลายาวนานเท่าไร ตลาดยิ่งปรับลงลึกมากเท่านั้น ซึ่งเมื่อเรานำจำนวนเดือนของ Inverted Yield Curve ช่วงวิกฤติ (ปี 1929 1969 1974 1989 2008 และปี 2020) มาพลอตกับการปรับฐาน Drawdown บนดัชนี S&P500 จะพบว่ามีความสัมพันธ์เชิงเส้นในทิศทางเดียวกัน

  2. การเกิด Recession มักจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของราคาน้ำมันเป็นตัวแปรสำคัญนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอย โดยในอดีตเมื่อเกิดเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Shock ของราคาน้ำมันในปี 2007 ปี 2001 หรือแม้แต่ช่วงปี 1980s และ 1970s อย่างไรก็ตามยกเว้นปี 2020 ที่วิกฤติเกิดจากโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลนำไปสู่ Supply ทั้งระบบทั่วโลก

  3. ช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการมี Inverted Yield Curve ดัชนี S&P500 จะยังปรับตัวขึ้นต่อได้ เช่นปี 1929 และในหลายๆ ครั้ง

Pi Comment :

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสเผชิญกับ US rally อย่างน้อยไตรมาส 2 หรืออาจยาวไปจนกว่าจะถึงเดือนสิงหาคม 2024 หากย้อนกับไปปี 2007 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ Rally มีระยะเวลาร่วมแล้ว 657 วัน หากเราอิงกับช่วงเวลาดังกล่าว ตลาดหุ้นปัจจุบันมีโอกาสจะ Rally ไปอย่างน้อยจนถึงเดือน ส.ค. 2024 อย่างไรก็ตามสภาวะแวดล้อมปัจจุบัน เรายังตระหนักตัวเลขอัตราการว่างงานสหรัฐฯ แม้จะปรับขึ้นเล็กน้อยในเดือนล่าสุดแต่ก็อยู่ระดับต่ำ ซึ่งหากตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง ยอดคนตกงานน่าจะยังไม่เร่งตัวขึ้น ถึงแม้เพิ่มขึ้นแต่น่าจะหางานใหม่ได้ในระยะเวลาไม่นาน นั่นหมายความว่าการเกิด Market Drawdown จะยืดเยื้อออกไปอีกระยะเวลาหนึ่ง