KTC (HOLD : Fair Price : Bt 45.00) : งบดุลแข็งแกร่ง แต่ Valuation ยังสูง

Published
Share this article:

ปรับคำแนะนำเป็น "ถือ" ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 45 บาท โดยคาด KTC มีผลตอบแทนเงินปันผลสูงขึ้นเป็น 2.9% หลังจากราคาหุ้นปรับลดลง 7.5% YTD แต่เรามองว่า Valuation ยังค่อนข้างสูงที่ 15.7x PE’25E ทำให้ราคาหุ้นยังไม่น่าสนใจมากพอ หากเทียบกับความสามารถการทำกำไรที่ชะลอตัว นอกจากนี้ เรามองว่า KTC ยังขาดปัจจัยหนุนที่จะฟื้นให้กลับมาขยายตัวโดดเด่น และมีข้อจำกัดจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และหนี้ครัวเรือนที่สูง เรามองว่าแนวโน้มกำไรอยู่ในช่วงเติบโตต่ำ 2.3% YoY 2025 และ ROE แนวโน้มลดลงต่อเนื่องที่ 18.1% ในปี 2025 ด้านผลการดำเนินงานใน 1Q25 กำไรสุทธิออกมาที่ 1.9 พันล้านบาท (+3.2% YoY, -1.5% QoQ) ขณะที่ NPL ratio ทรงตัวที่ 2% และ coverage ratio สูงขึ้นเป็น 384.5%

**กำไรสุทธิใน 1Q25 เติบโต YoY แต่ลดลง QoQ **

• กำไรสุทธิออกมาที่ 1.9 พันล้านบาท (+3.2% YoY, -1.5% QoQ) กำไรเติบโต YoY เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัว และสำรองหนี้ฯ ลดลง อย่างไรก็ดี กำไรลดลง QoQ เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงล้อกับสินเชื่อที่ลดลง และส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลง 65 bps QoQ ที่ 19.1% (+35 bps YoY)

• สินเชื่อรวมปรับลดลง 3.7% QoQ จากการชำระคืนสินเชื่อหลังจากที่มีการใช้จ่ายสูงในช่วงเทศกาลหยุดท้ายปี สินเชื่อบัตรเครดิตปรับลดลง 5% QoQ และสินเชื่อบุคคลลดลง 0.7% QoQ โดยมองว่าสินเชื่อจะกลับมาขยายตัวเป็นปกติในไตรมาสถัดไป

• หนี้เสียลดลง 3% QoQ แต่เพราะฐานสินเชื่อที่หดตัว ทำให้ NPL ratio รวมทรงตัวที่ 2% ขณะที่ระดับสำรองหนี้ต่อหนี้เสีย (Coverage ratio) เพิ่มเป็น 384.5%

**กำไรสุทธิโตชะลอตัว และROE แนวโน้มลดลง **

• เป้าหมายปี 2025 ประกอบด้วย 1) กำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2024 2) สินเชื่อรวมโต 4-5% แบ่งเป็น สินเชื่อบัตรเครดิต +10%, สินเชื่อบุคคล +3%, สินเชื่อใหม่ของพี่เบิ้มขยายตัว 3 พันลบ. และ 4) NPL ratio < 2%

• เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเปาะบางและไม่ทั่วถึง กอปรกับหนี้ครัวเรือนสูงเกือบ 90% ของจีดีพีไทย ทำให้การขยายสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายยังท้าทาย ดังนั้น เราคาดสินเชื่อจะขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2.6% ในปี 2025 และคาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโตต่ำเพียง 2.3% ในปี 2025

• ROE แนวโน้มลดลงต่อเนื่องที่ 18.1% ในปี 2025 สะท้อนความสามารถการทำกำไรที่อ่อนแอลง

ปรับคำแนะนำเป็น "ถือ" มูลค่าพื้นฐาน 45 บาท

เราปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก “ขาย” หลังจากราคาหุ้นปรับลดลง 7.5% YTD ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงขึ้นเป็น 2.9% ในปี 2025 ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 45.00 บาท คำนวณด้วยวิธี Gordon growth model (ROE 18%, Long term growth 3%) อิง 2.6x PBV’25E และ 15.3x PE’25E