CBG (BUY : Fair Price : Bt 101.00) : เบียร์ช่วยหนุนการเติบโต ส่วนธุรกิจหลักคาดผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 101.00 บาท (เดิม 84.00 บาท) หลังปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี2024 ขึ้น 10% เพื่อสะท้อนรายได้จัดจำหน่ายเบียร์ที่มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าที่คาดเนื่องจากสินค้าเป็นที่ต้องการจนขาดตลาด เราประเมินว่าหากความต้องการยังสูงระดับนี้ไปจนถึงต้น 2Q24 ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเบียร์ของกลุ่มคาราบาวสามารถแข่งขันในตลาดได้จริง ขณะที่เราคาดว่าผลประกอบการ 4Q23 จะฟื้นตัวทำจุดสูงสุดในรอบ 6 ไตรมาสที่ 653 ล้านบาท (+60%YoY, +23%QoQ) หนุนจากยอดขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นราว 2%-3% จากปีก่อน รับรู้รายได้จัดจำหน่ายเบียร์เป็นไตรมาสแรกที่ราว 1 พันล้านบาท และรับรู้รายได้ผลิตบรรจุภัณฑ์เบียร์ที่ราว 250 ล้านบาท ต่อเนื่องจาก 3Q23 ที่รับรู้เป็นไตรมาสแรก
ระยะสั้นเริ่มฟื้นตัว ระยะยาวยังสดใส
• ระยะสั้น: คาดยอดขายในตลาด CLMV เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ช่วง 4Q23 จาก ยอดขายในกัมพูชา (CLMV) ที่ฟื้นตัว QoQ จากช่วงฤดูฝน ยอดขายจากตลาดพม่าที่ดีขึ้นหลังจากโรงงานในพม่าเริ่มผลิตในช่วงต้นปี2024 เพราะปัจจุบันมีอุปสรรคด้านการขนส่งสินค้าไปยังพม่าจากนโยบายควบคุมการนำเข้าสินค้าของรัฐบาลเมียนมา รวมถึงคำสั่งซื้อในตลาดเวียดนามที่ดีต่อเนื่องหลังจากที่ตัวแทนจำหน่ายทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย
• ระยะยาว: คาดเติบโตตามตลาดเครื่องดื่มชูกำลังใน CLMV ที่ขยายตัว ในระดับการเติบโตที่มากกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศกลุ่ม CLMV เนื่องจากโครงสร้างประชากรในวัยแรงงานที่มีสัดส่วนมากกว่า 60% ของประชากรทั้งหมดซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง
เบียร์คาราบาวขายดีจนขาดตลาด
CBG เริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการผลิตบรรจุภัณฑ์เบียร์ตั้งแต่ 3Q23 และ จะเริ่มรับรู้รายได้จัดจำหน่ายเบียร์ใน 4Q23 เป็นต้นไป โดยเราประเมินแบบอนุรักษ์นิยมว่า CBG จะได้รับประโยชน์ 3 อย่างจากธุรกิจเบียร์ของกลุ่มคาราบาว 1. รับรู้รายได้จากการจัดจำหน่ายเบียร์ราว 7,500 ล้านบาทต่อปี 2. รับรู้รายได้จากการผลิตบรรจุภัณฑ์ราว 1,000 ล้านบาทต่อปี และ 3. ค่าใช้จ่ายสนับสนุนการขายของ CBG ลดลงราว 120 ล้านบาท เนื่องจากโรงเบียร์จะเข้ามาแชร์ค่า sponsor Carabao Cup 50%
คาดกำไร 4Q23 ฟื้นตัวทั้ง YoY และ QoQ
คาดกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 653 ล้านบาท (+60%YoY, +23%QoQ) สูงสุดในรอบ 6 ไตรมาส ผลประกอบการที่ฟื้นตัว YoY และ QoQ มีปัจจัยหนุนหลักมาจาก 1) ยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่เติบโตเป็น 1.67 พันล้านบาท (+27%YoY) จากส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นราว 2%-3% จากปีก่อนพร้อมกับปริมาณการบริโภคที่ฟื้นตัว YoY 2) ยอดขายในตลาด CLMV ที่ฟื้นตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล 3) รับรู้รายได้จัดจำหน่ายเบียร์เป็นไตรมาสแรกที่ราว 1.1 พันล้านบาท 4) รายได้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังรับรู้รายได้บรรจุภัณฑ์เบียร์ตั้งแต่ 3Q23 และ 5) ค่าใช้จ่ายสนับสนุนการขายที่ลดลง YoY หลังโรงเบียร์เข้ามาแชร์ค่าใช้จ่าย Carabao Cup 50%
แนะนำ "ซื้อ" พ้นจุดต่ำมาแล้ว พร้อมแรงหนุนจากเบียร์
มูลค่าพื้นฐาน 101.00 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) (WACC 8.2%, TG 3%) อิง 36xPE’24E ตามค่าเฉลี่ยกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ 1) เศรษฐกิจในประเทศกลุ่ม CLMV (กลุ่มลูกค้าหลัก) ชะลอตัวลงรวมถึงนโยบายกีดกันทางการค้าของประเทศกลุ่ม CLMV 2) การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทย และ 3) การเพิ่มขึ้นของต้นทุนต่างๆ เช่น อลูมิเนียม น้ำตาล สาธารณูปโภค รวมถึงภาษีความหวาน