AOT (U.R. : Fair Price : U.R. ) : คิง เพาเวอร์ แจ้งขอยกเลิกสัญญา Duty Free
**ระยะสั้น เราแนะนำให้ “ชะลอ” การลงทุนจนกว่าจะได้รับความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการร้านค้าปลอดภาษี หลังจากทาง คิง เพาเวอร์ มีการทำหนังสือขอปรับสัญญา/ยกเลิก เกี่ยวกับการให้บริการร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินภูมิภาค (เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่) เนื่องจากทำให้มีความไม่แน่นอนของรายได้ที่จะเข้ามาในอนาคต ทั้งกรณียกเลิกสัญญา หรือเจรจาขอปรับเงื่อนไขการชำระเงิน นอกจากนี้ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าทาง คิง เพาเวอร์จะมีการเจรจาขอปรับเงื่อนไขในสนามบินหลักอย่างสุวรรณภูมิด้วยหรือไม่ เพราะถือเป็นสนามบินที่มีสัดส่วนรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์มากที่สุด โดยเราจะมีการประชุมกับผู้บริหารบ่ายวันนี้ก่อนจะมีการออกรายงานเพิ่มอีกครั้ง **
คิง เพาเวอร์ ขอปรับเงื่อนไขสัญญาร้านค้าปลอดภาษี
• วันศุกร์ (13 ธ.ค.) ที่ผ่านมา AOT ให้ข่าวว่า คิง เพาเวอร์ ทำหนังสือแจ้งขอปรับสัญญาร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free shop) ในสนามบินภูมิภาค (เชียงใหม่ ภูเก็ตและหาดใหญ่) โดยให้เวลา AOT พิจารณาภายใน 45 วัน และในเดือน ก.ค. จะขอปรับการจ่ายผลตอบแทนจากเดิมอิงตามรายได้ต่อหัว เป็นส่วนแบ่งรายได้ที่ระดับ 20%
• ทั้งนี้ในบางสื่อมีการอ้างถึงคำให้สัมภาษณ์ของรักษาการกรรมการผู้จัดการ AOT ว่าทางคิง เพาเวอร์ มีการขอเจรจาในสัญญาที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองด้วย
• ในปี 24 AOT มีรายได้จาก คิง เพาเวอร์ รวมประมาณ 18,000 ล้านบาท (แบ่งเป็นที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองประมาณ 16,500 ล้านบาท และสนามบินภูมิภาคประมาณ 1,500 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 27% ของรายได้จากธุรกิจหลักของ AOT
• เรามองว่าผลประทบที่จะเกิดถ้าคิดเฉพาะสนามบินภูมิภาคในกรณีที่แย่สุดคือยกเลิกประมูลและรายดังกล่าวหายไปจะกระทบรายได้ในปี 26 ประมาณ 2% และกระทบกำไรสุทธิประมาณ 5%
• อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือสัญญาที่สนามบินสุวรรณภูมิที่มีมูลค่าสูงซึ่งหากมีการปรับสัญญาหรือยกเลิกและประมูลใหม่จะกระทบกับรายได้และกำไรสุทธิอย่างมาก
• เบื้องต้นหากมีการปรับสัญญาที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองด้วย ทำให้เรามีการประเมินผลกระทบสำหรับปี 26 ในส่วนของรายได้ประมาณ 11% และ กำไรสุทธิ 29% โดยอิงกับรายได้ของคิง เพาเวอร์ในปี 23 ที่รายงานกรมธุรกิจการค้าและมีการปรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ระดับ 34 ล้านคน (ปี 23 นักท่องเที่ยว 28 ล้านคน)
**AOT หารายได้จากธุรกิจอื่นมาชดเชย **
ผลกระทบดังกล่าว ทำให้เราคาดว่า AOT จะต้องมีการหารายได้ส่วนอื่นมาชดเชย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดประมูลผู้ประกอบการคลังสินค้ารายที่ 2 หรือผู้ให้บริการผู้โดยสารในสนามบินรายที่ 3 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งคาดว่าจะได้ผู้ชนะในช่วงเดือน มี.ค. 26
อย่างไรก็ตามอีกสิ่งที่ AOT ทำคือการขอปรับเพิ่มขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออกที่ปัจจุบันเก็บที่ระดับ 130 บาท/คนสำหรับเที่ยวบินในประเทศและ 730 บาท/คน สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะได้ความชัดเจนมากขึ้นในเดือน ก.ค. นี้ นอกจากนี้ล่าสุดทาง AOT มีแผนพิจารณาปรับค่าบริการในสนามบินอย่างเช่นค่าจอดเป็นต้น ซึ่งจะเข้ามาชดเชยรายได้ส่วนแบ่งจากธุรกิจดิวตี้ ฟรี ลงได้
**รอความชัดเจนก่อนปรับประมาณการ **
ระยะสั้นราคาหุ้นตอบรับข่าวดังกล่าวไประดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตามเราแนะนำให้รอความชัดเจนหลังการประชุมกับผู้บริหารในวันนี้ก่อนเข้าลงทุน ซึ่งเราจะมีการออกบทวิเคราะห์เติมอีกครั้ง