AMATA (BUY : Fair Price : Bt 33.60) : 2Q25 ต่ำคาดเพราะภาษีจ่าย

Published
Share this article:

**เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” มีปัจจัยบวกจากฐาน Backlog ที่สูงถึง 25,000 ล้านบาท ทำให้แนวโน้มผลประกอบการในช่วง 1-2 ปียังไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการชะลอการตัดสินใจซื้อที่ดินของลูกค้า และทำให้การขายที่ดินนับถึงปัจจุบันของ AMATA ทำได้เพียง 800 ไร่ ยังต่ำกว่าเป้าที่บริษัทตั้งไว้ที่ 3,000 ไร่ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามในระยะกลางด้วยความต้องการที่ดินในอุตสาหกรรม Data Center ที่ยังมีการเจรจาอยู่มาก จะทำให้การขายที่ดินยังมีโอกาสเห็นการเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต สำหรับผลประกอบการ 2Q25 มีกำไรสุทธิเพียง 140 ล้านบาท ลดลงมากและต่ำกว่าที่เราคาดไว้ถึง 30% มีสาเหตุจากภาษีจ่ายที่สูงกว่าที่คาดหลังมีการรับรู้ภาษีจากการขายเงินลงทุนเข้ามา (กำไรจากการขายเงินลงทุนรับรู้ผ่านงบเฉพาะกิจการ) **

2Q25 กำไรสุทธิ 140 ล้านบาท (-40%YoY,-83QoQ)

• AMATA มีกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 140 ล้านบาท (-40%YoY,-83%QoQ) ถ้าไม่รวมรายการพิเศษที่ส่วนใหญ๋เป็นขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจะมีกำไรปกติประมาณ 252 ล้านบาท (-7%YoY,-70%QoQ) ต่ำกว่าที่เราคาดไว้กว่า 30% ส่วนใหญ่มาจากภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้นมากเพราะมีการรับรู้ภาษีจากกำไรจากการขายเงินลงทุนเข้ามา (กำไรดังกล่าวเข้างบการเงินเฉพาะบริษัท) เทียบกับปีก่อนเติบโตมากเพราะกำไรขั้นต้นของนิคมที่เวียดนามกลับสู่ระดับปกติ แม้การโอนที่ดินจะเพิ่มขึ้น 8 ไร่มาอยู่ที่ระดับ 171 ไร่ เทียบกับ 163 ไร่ใน 2Q24 ส่วนลดลงจาก 1Q25 ตามที่ดินที่โอนลดลง (1Q25 มียอดโอนกว่า 279 ไร่) 383

• รายได้ที่ 2,322 ล้านบาท (-12%YoY,-30%QoQ) แบ่งเป็นรายได้จากการขายที่ดิน 955 ล้านบาท (-3%YoY,-50%QoQ) โดยมีการโอนที่ดิน171 ไร่ เทียบกับ 163 ไร่ใน 2Q24 (แต่ปีก่อนมีที่ดินที่ชลบุรีเยอะกว่า) และ 279 ไร่ใน 1Q25 รายได้สาธารณูปโภคลดลงจาก 22%YoY,5%QoQ เพราะลูกค้าที่เวียดนามยังมีปัญหาไม่สามารถ ใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่ ส่วนรายได้ค่าเช่าอยู่ที่ 256 ล้านบาท (+7%YoY,+5%QoQ) ตามจำนวนพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้น

• กำไรขั้นต้นรวมที่ 37% ดีขึ้นจาก 32% ใน 2Q24 นิคมที่เวียดนามกำไรขั้นต้นอยู่ในระดับปกติแล้ว แต่ลดลงจาก 44% ใน 1Q25 เพราะมีสัดส่วนนิคมที่ชลบุรีที่มีกำไรขั้นสูงน้อย (0.3 ไร่ เทียบกับ 83 ไร่) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 367 ล้านบาท (-5%YoY,-17%QoQ)

• ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ 241 ล้านบาท ลดลง 7%YoY เพราะส่วนแบ่งจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ แต่เเพิ่มขึ้น 5%QoQ เพราะกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้า

**ยังคงเป้า 3,000 ไร่ แต่เริ่มเสี่ยง **

ยอดขายที่ดินนับถึงปัจจุบัน มีจำนวนมากกว่า 800 ไร่ ยังห่างจากเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 3,000 ไร่ ส่วนหนึ่งเกิดจากลูกค้าจีนมีการชะลอการตัดสินใจออกไปเพราะรอความชัดเจนของภาษีสหรัฐฯที่จะเรียกเก็บจากจีน หลังจากมีการเลื่อนการตัดสินใจออกไปอีก 90 วัน ทั้งนี้กลุ่ม Data Center ยังมีการเจรจาอีกมาก คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 200-300 ไร่

คงกำไรทั้งปีไว้เท่าเดิมก่อน เพราะ Backlog สูง

กำไรปกติช่วง 1H25 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 37% ของกำไรทั้งปีที่เราคาดไว้ที่ 2,975 ล้านบาท อย่างไรก็ตามด้วยฐาน Backlog ที่อยู่สูงกว่า 25,000 ล้านบาท จะยังหนุนให้ผลประกอบการเป็นไปตามคาดแม้ว่ายอดขายที่ดินอาจจะต่ำกว่าเป้า โดยคาดว่าผลประกอบการจะสูงสุดในช่วง 4Q25 คำแนะนำการลงทุน แต่ด้วยฐาน Backlog ที่สูง และการเจรจากับลูกค้าที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 33.6 บาท (13XPER’25E)