เริ่มต้นลงทุนสไตล์มนุษย์เงินเดือน: แบ่งเงินลงทุนอย่างไรให้คุ้มค่า? หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนรวม ลงทุนอะไรดี

Published
Share this article:
Thai Equity
Mutual Fund
Global Equity
banner image

เริ่มต้นลงทุนสไตล์มนุษย์เงินเดือน: แบ่งเงินลงทุนอย่างไรให้คุ้มค่า?

สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่อยากเริ่มต้นลงทุนแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน บทความนี้จะพาไปรู้จักกับวิธี แบ่งเงินลงทุนจากเงินเดือน อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถวางแผนการเงินระยะยาว และใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างคุ้มค่า

ขั้นตอนเริ่มต้นลงทุนสำหรับมนุษย์เงินเดือน

1. เช็กสิทธิ์ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)

สิ่งแรกที่ควรตรวจสอบคือ บริษัทของคุณมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือไม่ เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการลงทุนสำหรับมนุษย์เงินเดือน

  • หากบริษัทของคุณมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund, PVD) แนะนำให้สมัครเข้าร่วมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกับบริษัทก่อน
  • โดยทั่วไปกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จะ มีนโยบายการลงทุนให้เลือกหลากหลาย ทั้งลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ จึงทำให้คุณมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนตามความเสี่ยงที่รับได้
  • คุณจะได้รับ เงินสมทบจากนายจ้าง ช่วยเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนของคุณแบบอัตโนมัติ
  • ที่สำคัญคือสามารถใช้ ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย โดย ใช้ลดหย่อนภาษีประจำปีได้ ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 15% ของรายได้ต่อปี และไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี โดยคิดเฉพาะส่วนที่คุณจ่ายเงินสมทบเท่านั้นที่จะใช้ลดหย่อนภาษีได้ ส่วนที่นายจ้างสมทบไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้

ดังนั้น การลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จึงถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุดสำหรับมนุษย์เงินเดือน เพราะให้ทั้งผลตอบแทน, ได้เงินสมทบจากนายจ้าง และยังสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

2. ลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี (RMF / ThaiESG / Thai ESGX)

หากคุณลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว และยังมีเงินเหลือสำหรับการลงทุนเพิ่มเติม

  • แนะนำให้พิจารณาลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ RMF, ThaiESG, ThaiESGX เป็นลำดับถัดไป
  • นอกจากจะได้ผลตอบแทนแล้ว ยังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน โดยสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้รวมสุงสุดกว่า 1,400,000 บาท ในปีภาษี 2568 ศึกษารายละเอียด เงื่อนไขกองทุนลดหย่อนภาษี Thai ESGX เพิ่มเติม
  • การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี นับเป็นการเริ่มต้นวางแผนการเงินรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะกองทุนเหล่านี้มักมีเงื่อนไขให้ต้องถือครองต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี หรือกองทุนบางประเภทที่ต้องถือครองยาวจนถึงอายุ 55 ปี ถึงจะสามารถขายได้โดยไม่เสียสิทธิประโยชน์ทางภาษี จึง เหมาะสำหรับการวางแผนการเงินระยะยาว หรือการวางแผนเกษียณเพื่ออนาคตที่มั่นคง

ดังนั้น การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย ให้คุณเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ พร้อมยังรับสิทธิลดหย่อนภาษี ควบคู่ไปกับการวางแผนเกษียณในระยะยาวได้ด้วย

3. กระจายการลงทุนเพิ่มเติมในสินทรัพย์อื่น

หากคุณลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนลดหย่อนภาษี จนใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างครบถ้วนแล้ว และยังมีเงินลงทุนเหลืออยู่ สามารถเลือกลงทุนเพิ่มเติมในสินทรัพย์ที่ชอบได้ ไม่ว่าจะเป็น

  • หุ้นไทย
  • หุ้นต่างประเทศ
  • กองทุนรวม
  • หุ้นกู้

เลือกลงทุนตาม ระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้ เพื่อให้พอร์ตการลงทุนเติบโตอย่างสมดุล โดยอาจลองพิจารณา การลงทุนแบบสม่ำเสมอต่อเนื่องด้วยวิธีการ DCA ที่ให้คุณลงทุนในหุ้น หรือกองทุนกองเดิมต่อเนื่องในจำนวนเงินที่เท่ากันทุกๆ เดือน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการจับจังหวะลงทุนด้วยตัวเองเป็นครั้งคราวในระยะยาว

เริ่มต้นลงทุนหุ้นไทย, หุ้นต่างประเทศ และกองทุนรวม ได้แล้วง่าย ๆ วันนี้ที่แอป Pi Financial! ลงทุนได้ครบทุกสินทรัพย์ จบในแอปเดียว

คำเตือน

  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

About Author

profile icon
Pi Content Team
Pi Securities Public Company Limited