TTB (BUY : Fair Price : Bt 1.98) : ความสามารถทำกำไรและเงินปันผลสูง
เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานเป็น 1.98 บาท หากไม่รวมรายการพิเศษจากสำรองหนี้ฯ พิเศษ และผลประโยชน์ทางภาษี กำไรจากการดำเนินงานใน 4Q23 เป็นไปตามคาด โดย TTB มีกำไรสุทธิใน 4Q23 ดีกว่าคาด 13% ที่ 4.9 พันล้านบาท (+26.4% YoY, +2.8% QoQ) ทำให้กำไรสุทธิในปี 2023 เพิ่มขึ้น 30.1% YoY ที่ 18.5 พันล้านบาท หลังจากเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ เราปรับประมาณการกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 11%/14% ในปี 2024-25 หลักๆ จากผลประโยชน์ทางภาษี โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 14% YoY ในปี 2024 และเติบโต 5.8% ในปี 2025 ปัจจุบัน หุ้นซื้อขายที่ราว 0.7x PBV’24E ยังคงน่าสนใจในการลงทุน โดยมีอัตราผลตอบแทนการลงทุนรวม 23.6% (Capital gain 17.2% และ Dividend yield 6.4%)
การประชุมนักวิเคราะห์
• ในปี 2024 TTB ยังเน้นกลยุทธ์แบบตั้งรับ ขยายลูกค้าที่มีคุณภาพ และสร้างการเติบโตจากการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการพัฒนาระบบดิจิตอลเพื่อลดต้นทุนการให้บริการ ทั้งนี้ TTB ไม่เน้นการขยายงบดุล และกังวลต่อการการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และแรงกดดันในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้การเติบโตจะเป็นอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้ การเพิ่มสำรองหนี้ฯ พิเศษใน 4Q23 ทำให้ Coverage ratio เพิ่มเป็น 154.9% ช่วยสร้างความแข็งแกร่งรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต โดยมองว่า Coverage ratio ที่เหมาะสมอยู่ที่ 145%
• เป้าหมายทางการเงินปี 2024 (1) สินเชื่อทรงตัว (2023: -3.5%) (2) เงินฝากขยายตัวล้อกับการขยายสินเชื่อ (2023: -0.9%) (3) ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ 3.1-3.25% (2023: 3.24%) (4) รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-NII growth) Low single digit growth (2023: -3.4%) มองว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะกลับมาเติบโต (5) Cost to income ratio ที่ Mid-40s (6) NPL ratio <2.9% (2023: 2.62%) (7) Credit cost ที่ 125-135 bps (2023: Normal provision 128 bps และ Total provision 164 bps)
**คาดการเติบโตของกำไรจะชะลอตัวในปี 2024-25 **
• แม้กำไรก่อนสำรองหนี้ฯ และภาษีในปี 2023 เป็นตามคาด แต่เพราะผลประโยชน์ทางภาษี ทำให้กำไรสุทธิปี 2023 ดีกว่าคาด นอกจากนี้ TTB สามารถใช้ประโยชน์ทางภาษีได้อีก 15.5 พันล้านบาท จนถึงปี 2028 หากประเมินกำไรก่อนภาษี และภาษีจ่ายที่ควรจะเกิดขึ้น คาดว่า TTB จะสามารถใช้ประโยชน์ทางภาษีได้อีก 3-5 ปี
• จากประเด็นข้างตัน เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-25 เพิ่มขึ้นราว 11%/14% โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 14%/5.8% ในปี 2024-25
คงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานเป็น 1.98 บาท
แนะนำ “ซื้อ” เนื่องจาก (1) ความสามารถการทำกำไรที่สูงขึ้น (2) งบดุลแข็งแกร่ง ควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดี และการเพิ่มความแข็งแกร่งจากการตั้งสำรองหนี้ฯ พิเศษในปี 2023 (3) อัตราผลตอบแทนการลงทุนรวม 23.6% (Capital gain 17.2% และDividend yield 6.4%) เราได้ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานเป็น 1.98 บาท (เดิม 1.85 บาท) จากการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 9%, TG 2%) อิงจาก 0.8x PBV’24E หรือ -0.5SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปี