STANLY (HOLD : Fair Price : Bt 210.00) : FY3Q25 ยังมีค่าใช้จ่ายควบรวมโรงงาน
**STANLY รายงานกำไรสุทธิงวด FY3Q25 ที่ 310 ล้านบาท (-30%YoY,-5%QoQ) ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากการบันทึกรายการ พิเศษเข้ามากว่า 60 ล้านบาท ถ้าไม่รวมรายการดังกล่าวจะมีกำไรปกติที่ระดับ 372 ล้านบาท (-18%YoY,-39%QoQ) ได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรม แต่ปัจจัยบวกคืออัตรากำไรขั้นต้นที่ยังสูงได้ถึง 19.8% ถือเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการควบคุมต้นทุนอย่างมาก ทั้งนี้ STANLY ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงการผลิตเพื่อลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีแผนจัดหาเครื่องจักรมาใช้ทดแทนแรงงานเพิ่ม ซึ่งจะทำให้หากในอนาคตอุตสาหกรรมฟื้นตัวจะทำให้ผลประกอบการเติบโตได้อย่างมาก แต่ด้วยราคาหุ้นที่อยู่สูง ทำให้เรายังคงแนะนำเพียง “ถือ” ไปก่อน **
**FY3Q25 กำไรสุทธิ 310 ล้านบาท (-30%YoY,-5%QoQ) **
• STANLY มีกำไรสุทธิงวด FY3Q25 (ต.ค.-ธ.ค. 24) ที่ 310 ล้านบาท (-30%YoY,-5%QoQ) ถ้าไม่รวมรายการพิเศษอย่างค่าใช้จ่ายในการรวมโรงงาน 58 ล้านบาท สำรองค่าเคลมสินค้า 11 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 7 ล้านบาท จะมีกำไรปกติประมาณ 372 ล้านบาท (-18%YoY,-39%QoQ) สาเหตุที่ลดลงมากจาก FY2Q25 เพราะไม่มีรายได้เงินปันผลเข้ามา
• รายได้ที่ 2,946 ล้านบาท (-18%YoY,-9%QoQ) ลดลงตามอุตสาหกรรมยานยนต์ อย่างไรก็ตาม STANLY มีการขยายตลาดชุดโคมไฟไปยังกลุ่มรถแทรคเตอร์ของ KUBOTA เพิ่มเข้ามาเป็นไตรมาสแรก
• กำไรขั้นต้นที่ 19.8% ดีขึ้นจาก 19.2% ใน FY3Q24 แต่ลดลงจาก 21.3% ใน FY2Q25 เป็นผลดีจากการลดค่าใช้จ่ายจากการควบโรงงานแต่ค่าใช้จ่ายบางส่วนมีการย้ายไปบันทึกในค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารทำให้รายการดังกล่าวปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 363 ล้านบาท (+12%YoY,+27%QoQ) ถ้าไม่รวมจะใกล้เคียงเดิมที่ระดับ 293 ล้านบาท
• รวมแล้วในช่วง FY9M25 STANLY มีกำไรสุทธิ 945 ล้านบาท (-25%YoY) แต่มีกำไรปกติ 1,310 ล้านบาท (+6%YoY)
ภาพอุตสาหกรรมยังไม่ชัดเจน จึงยังเน้นลดต้นทุนต่อ
ผู้บริหารมีการให้ข้อมูลว่าภาพรวมในปีปฏิทิน 25 ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่กดดันยอดขายรถยนต์ในประเทศอย่างมาก ทำให้บริษัทมีการมองหาชิ้นส่วนงานประเภทอื่นมากขึ้นอย่างเช่นชิ้นงานฉีดขึ้นรูปพลาสติกเพื่อเพิ่มสัดส่วนในรถจักรยานยนต์มากขึ้นนอกเหนือจากชุดไฟที่เป็นสินค้าหลัก (ช่วงแรกจะขยายไปยังกลุ่มรถจักรยานยนต์ก่อน) รวมถึงการขยายไปยังตลาดกลุ่มรถแทรคเตอร์ที่เริ่มแล้วตั้งแต่ปลายปี 24 ที่ผ่านมา ขณะที่การควบคุมต้นทุนนอกเหนือจากการควบรวมโรงงานที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี หลังจากนั้นมีแผนใช้เครื่องจักรเข้ามาช่วยในการผลิต ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้อีกมากในอนาคต
แนะนำลงทุนระยะกลาง-ยาว
โดยรวมเรายังมีมุมมองที่ดีกับ STANLY เพราะเป็นผู้นำในสินค้าชุดระบบให้แสงสว่างของยานยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ทุกประเภท รวมถึงในอนาคตหากอุตสาหกรรมฟื้นตัวจะหนุนให้ผลประกอบการของ STANLY เติบโตได้อย่างมาก รวมถึงอัตราตอบแทนเงินปันผลที่คาดว่าจะยังสูงถึงระดับ 7% ดังนั้นเราจึงยังคงแนะนำ “ถือ” ไปก่อน โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 210 บาท (10XPER’26E) โดยเราปรับกำไรปี 25 มาอยู่ที่ 1,272 ล้านบาทโดยรวมรายการพิเศษที่เกิดในช่วง FY9M25 เข้ามา ถ้าไม่รวมจะมีกำไรปกติที่ 1,688 ล้านบาท (-2%YoY)