MEGA (HOLD : Fair Price : Bt 32.00) : กำไรปกติ 1Q25 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ

Published
Share this article:

รายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 450 ล้านบาท (-6%YoY) หลังตัดรายการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจะมีกำไรปกติ 1Q25 ที่ 541 ล้านบาท (-14%YoY, -31%QoQ) ผลจากรายได้ธุรกิจจัดจำหน่ายลดลง YoY จากรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่าย Maxxcare’s ในประเทศเมียนมาลดลง YoY แม้ว่ายอดขายยาและอาหารเสริมที่เติบโตได้ YoY เราปรับลดคำแนะนำจาก "ซื้อ" เป็น “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 32.00 บาท เพื่อสะท้อนสถานการณ์ความไม่แน่นอนและกำลังซื้อในเมียนมา

Maxxcare’s กดดันผลประกอบการ

• รายได้จากธุรกิจ Mega We Care (ยาและอาหารเสริม) เติบโต YoYเป็น 2 พันล้านบาท (+3%YoY, -13%QoQ) ใน 1Q25 จากยอดขายยาที่เติบโต บวกกับมีการเพิ่มขึ้นของยอดขายจากสินค้าใหม่ และการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในกลุ่มสินค้า (วิตามินและอาหารเสริม) ทำให้มีรายได้ที่เติบโตในทุกภูมิภาค ประกอบด้วย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สัดส่วน 78% ของยอดขาย) โต 1%YoY, แอฟริกา (สัดส่วน 11% ของยอดขาย) โต 14% YoY, และภูมิภาคอื่นๆ (สัดส่วน 11% ของยอดขาย) โต 6% YoY, ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ธุรกิจ Mega We Care ที่ 65.0% ใน 1Q25 ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 64.3% ใน 1Q24 และ 65.6% ใน 4Q24

• รายได้จากธุรกิจจัดจำหน่าย (Maxxcare’s) ลดลง YoY ที่ 1.2 พันล้านบาท (-33%YoY) ใน 1Q25 สืบเนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศเมียนมาที่ลดลง ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของหน่วยธุรกิจนี้ยังขยายตัว YoY แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อย QoQ

• อัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 33.2% ใน 1Q25 จาก 28.6% ใน 1Q24 และ 29.5% ใน 4Q24 ผลจากรายได้ที่ลดลง YoY

คาดกลับมาโตในปี 2025 จากสินค้าใหม่ที่ออกไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

เราคาดว่ายอดขายธุรกิจยาและอาหารเสริม (Mega We Care) จะขยายตัว 2%YoY ในปี 2025 หนุนจากการออกสินค้าใหม่ในช่วงที่ผ่านมากว่า 70 รายการในช่วง 2022-24 ทั้งในหมวดยา (สัดส่วน 70%) และอาหารเสริม (สัดส่วน 30%) ซึ่งยาส่วนใหญ่จะอยู่ในหมวดทางเดินหายใจ เบาหวาน โรคหัวใจ โรคกระดูก และเนื้องอกมะเร็ง ขณะที่รายได้ธุรกิจจัดจำหน่าย (Maxxcare’s) คาดว่าจะลดลง YoY เนื่องจากยาและเวชภัณฑ์ในประเทศเมียนมา ด้วยภาวะกำลังซื้อในเมียนมาที่ลดลงทำให้การจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่สามารถเติบโตได้ YoY นอกจากนี้ปี2026 จะได้แรงหนุนจากยอดขายในอินโดนีเซียที่เพิ่มขึ้นหลังทยอยนำสินค้าเข้าไปขาย รวมถึงผลิตสินค้าและขาย หลังจากเข้าซื้อโรงงานผลิตยาในช่วง 3 ปีที่แล้ว

คำแนะนำ "ถือ" ความท้าทายจากกำลังซื้อในเมียนมา

มูลค่าพื้นฐานที่ 32.00 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC 9.9% และ TG 2% เทียบเท่า 14xPE’25E หรือ -2SD ของค่าเฉลี่ยการซื้อขายในรอบ5ปี และคิดเป็นส่วนลด 50% จากค่าเฉลี่ยกลุ่มการแพทย์และโรงพยาบาลในไทย (เดิม 48.00 บาท) หลังปรับลดประมาณการกำไรลง 15%-16% ในปี2025-26 เพื่อสะท้อนสถานการณ์ความไม่แน่นอนและกำลังซื้อในเมียนมา