HMPRO (BUY : Fair Price : Bt 14.00) : กำไรปกติ 3Q24 ลดลงเล็กน้อย YoY
**ท่ามกลางกำลังของผู้บริโภคที่ชะลอตัว ประกอบกับงานก่อสร้างและการโอนโครงการอสังหาที่ลดลง ทำให้การจับจ่อยใช้สอยในส่วนของสินค้าซ่อมแซมและตกแต่งบ้านจะชะลอตาม ทำให้ HMPRO รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q24 ที่ 1.44 พันล้านบาท (-6%YoY) หลังตัดรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจะมีกำไรปกติ 1.48 พันล้านบาท (-3%YoY , -9%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราคาด ผลจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วง 3Q24 ติดลบ 5.8% YoY (HomePro ที่ -5.8%, Mega Home ที่ -3.9%, และ HomePro Malaysia ที่ -1.4%) เราเริ่มเห็นสัญญาณ SSSG ที่ดีขึ้นในเดือนต.ค. 2024 เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 14.00 บาท **
**SSSG ที่อ่อนตัวกดดันกำไร 3Q24 ลดลง YoY และ QoQ **
• รายได้ 3Q24 ที่ 1.63 หมื่นล้านบาท (-3%YoY, -8%QoQ) ผลจากยอดขายกลุ่มสินค้าซ่อมแซมและตกแต่งบ้านลดลงเป็น 1.59 หมื่นล้านบาท (-3%YoY) และรายได้ค่าเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 467 ล้านบาท (+8%YoY) หนุนรายได้ค่าเช่าจากสาขาท่องเที่ยวที่ดีขึ้น
• SSSG ที่ลดลงมาจาก 3 ปัจจัยหลักๆ 1) การงดจัดงาน HomePro Fair ที่เชียงใหม่โดยได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นการจัดงาน HomePro Super Expo ที่ช่องทางสาขา และออนไลน์แทน 2) โครงการปรับปรุงถนน ในพื้นที่หน้าโฮมโปรสาขาราชพฤกษ์ ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่สาขาลดลง และ 3) การเข้าสู่ฤดูฝนที่ไวกว่าปกติ ตั้งแต่กลางเดือนพ.ค. ประกอบกับผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย
• การขยายสาขาช่วง 3Q24 : มีการเปิด 3 สาขา ประกอบด้วย HomePro หนองคาย และ Hybrid store ที่ระยอง (มีทั้ง HomePro และ Mega Home) ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 3/24 บริษัทมีสาขาทั้งหมด 133 แห่ง (+7%YoY) แบ่งเป็น Home Pro 92 สาขา HomePro S 5 สาขา Mega Home 29 สาขา HomePro Malaysia 7 สาขา• อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 27.9% ใน 3Q24 เพิ่มขึ้น 27.4 % ใน 3Q23 ผลจาก GPM ของผลิตภัณฑ์ YoY ที่ 27.1% ใน 3Q24 และเพิ่มขึ้น 40 bps QoQ จาก 26.3% ใน 2Q24 จากสัดส่วน Private label ของ Mega Home ที่เพิ่มขึ้น และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลดลง QoQ
• อัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 19.5% ใน 3Q24 จาก 19.2% ใน 3Q23 ตามการเปิดสาขาใหม่และยอดขายสาขาเดิมที่ลดลง
**คาดหวังการฟื้นตัวในช่วง 4Q24 **
การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ HomePro ยังคงติดลบราว 3.5% ใน 3 สัปดาห์แรกของเดือนต.ค. 2024 แต่ดีขึ้นจาก -5.8% ใน 3Q24 ขณะที่ Mega Home พลิก +3.5% ใน 3 สัปดาห์แรกของเดือนต.ค. 2024 จาก -3.9% ใน 3Q24 ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลจากการระมัดระวังการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง และสาขากทม.ที่มีผลกระทบจากงานก่อสร้างถนนใกล้สาขาราชพฤกษ์ และการย้ายสาขาบางบัวทองไปสาขารัตนาธิเบศร์ เราเชื่อว่าการเบิกจ่ายงบประมาณจะหนุนให้ SSSG ทยอยปรับตัวดีขึ้นใน 4Q24-1Q25
คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าหุ้นไม่แพง
มูลค่าพื้นฐาน 14.00 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสงินสด (DCF) ด้วย WACC 8.0% และ TG 2.5% เทียบเท่า 24xPE’25E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านของไทย