AOT (BUY : Fair Price : Bt 39.00) : ซื้อเวลาอีก 2 เดือน

Published
Share this article:

ระยะสั้น เรายังคงคำแนะนำให้ “ชะลอ” การลงทุนจนกว่าจะได้รับความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการร้านค้าปลอดภาษี เพราะจากการประชุมกับทางผู้บริหาร AOT ล่าสุดยังคงไม่ได้รับข้อสรุปแต่อย่างใดจากการที่ทาง คิง เพาเวอร์ ยื่นเจรจาขอปรับ/ยกเลิกสัญญาร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินทั้ง 5 แห่ง โดยทาง AOT แจ้งว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อมาพิจารณาถึงรูปแบบการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นใช้เวลาประมาณ 60 วัน ซึ่งทางออกมีได้ตั้งแต่ปรับลดผลประโยชน์หรือการยุติสัญญาและเปิดประมูลใหม่ โดยคาดว่าหลังได้ผลการศึกษาจะมีการเจรจากับทาง คิง เพาเวอร์อีกครั้ง ทั้งนี้ AOT เองมีแผนหารายได้ส่วนอื่นมาชดเชยแต่เราคาดว่าในช่วงต้นยังไม่อาจชดเชยกับการปรับสัญญากับคิง เพาเวอร์ได้

AOT แจ้งคิง เพาเวอร์ ขอเจรจาทั้ง 5 สนามบิน

• จากการเข้าประชุมกับผู้บริหาร AOT วานนี้ (16 มิ.ย.) ในประเด็น คิง เพาเวอร์ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าทาง คิง เพาเวอร์ มีการขอเจรจาในสัญญาร้านค้าปลอดภาษีใน 5 สนามบิน ภายใต้สัญญา 3 ฉบับคือสนามบินสุวรรณภูมิ (สัญญาระหว่างปี 65-75) สนามบินดอนเมือง (สัญญาเดือน ต.ค.65- ก.ย.76) และสนามบินภูมิภาคได้แก่ภูเก็ต หาดใหญ่ และเชียงใหม่ (สัญญาปี 65-75)

• ทางออกเบื้องต้นที่ AOT พิจารณาคือการตั้งคณะกรรมการเพื่อมาตรวจสอบถึงเหตุผลและความเหมาะสมในการเจรจากับคิง เพาเวอร์ เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับ AOT เราคาดว่าผลการศึกษามีโอกาสออกมาในรูปแบบของการปรับเงื่อนไขของการชำระผลตอบแทนใหม่ที่อาจจะยกเลิกในส่วนของ Minimum Guarantee หรือพิจารณายกเลิกสัญญาและเปิดประมูลใหม่ ทั้งนี้มูลค่าการเจรจาเราคาดว่าจะไม่ต่ำกว่าที่เสนอผลตอบแทนลำดับที่ 2 ที่เสนอไว้ที่ระดับ 8,000 ล้านบาท (คิง เพาเวอร์ เสนอสัญญาที่สนามบินสุวรรณภูมิกว่า 15,000 ล้านบาท) โดยระหว่างนี้ทาง คิง เพาเวอร์ยังต้องจ่ายผลตอบแทนในรูปแบบเดิมต่อไป

• อนึ่งการศึกษาดังกล่าวมีการพิจารณารวมถึงสัญญาจัดการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ไปด้วย แม้ไม่อยู่ในจดหมายที่ คิง เพาเวอร์ ยื่นมา

• การขอปรับสัญญาดังกล่างทางผู้บริหารให้ข้อมูลว่าเป็นการปรับสัญญาในเชิงพาณิชย์ จึงเป็นอำนาจของคณะกรรมการบริษัทในการปรับสัญญาดังกล่าว ไม่ต้องรอให้ถึงระดับรัฐมนตรีแต่อย่างใด

**AOT หารายได้จากธุรกิจอื่นมาชดเชย **

นอกเหนือจากประเด็น คิง เพาเวอร์แล้ว ทางผู้บริหารมีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีแผนจัดหารายได้ส่วนอื่นมาชดเชย เช่นการขอปรับค่าบริการผู้โดยสารขาออกเพิ่มขึ้นหลังมีการใช้ระบบ ไบโอเมตริกในสนามบิน ซึ่งAOT ขอปรับขึ้น 35 บาท แต่ได้มา 30 บาท (ยังไม่รวมถึงการพิจารณาการขอปรับตามต้นทุนจริงอีกส่วน) รวมถึงรายได้จากผู้ให้บริการภาคพื้นรายที่ 3 หรือรายได้จากโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศเป็นต้น

เบื้องต้นปรับประมาณการปี 26 ลงจากเดิม 23%

ด้วยการที่แนวโน้มจะต้องมีการเปลี่ยนรูปแบบสัญญาเบื้องต้นเราจึงการปรับประมาณการโดยอิงกับการจ่ายผลตอบแทนที่ระดับ 20% ของรายได้ใน 3 สัญญา และสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ทำให้ได้กำไรสุทธิปี 26 ใหม่ที่ 16,658 ล้านบาท ลดลงจากเดิม 23% สำหรับคำแนะนำการลงทุนระยะสั้นแม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงมาก แต่ด้วยการที่ยังต้องรอข้อสรุปจากคณะกรรมการทำให้ยังมีความไม่แน่นอนถึงผลประกอบการปี 26 อยู่ เราจึงยังแนะนำให้รอความชัดเจนก่อนเข้าลงทุนอีกครั้ง แม้ถ้ามองจากส่วนต่างกับมูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินไว้ที่ 39 บาท (33.5PER’26E) กว่า 40% ที่ทำให้เราต้องใส่คำแนะนำ “ซื้อ” ก็ตาม