Pi STOCK UPDATE : STEC (BUY : FAIR PRICE Bt12.70)
" 2Q23 รายได้มา แต่กำไรขั้นต้นแย่อีกแล้ว "
เราแนะนำเพียง “ซื้อเก็งกำไร” โดยมองว่าจุดเด่นที่ STEC เหลืออยู่คือการอยู่ในอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากการจัดตั้งรัฐบาล และมีการผลักดันงานก่อสร้างขนาดใหญออกมา ขณะที่ปัจจัยบวกเดิมอย่าง Backlog เริ่มลดลงจนต่ำกว่า 100,000 ล้านบาทแล้ว นอกจากนี้ผลประกอบการงวด 2Q23 กำไรขั้นต้นที่เคยฟื้นมาในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมากลับมาลดลงแรงอีกครั้ง ซึ่งทำให้เราปรับกำไรทั้งปีลงจากเดิมอีก 10% มาอยู่ที่ 823 ล้านบาท (-4%YoY) โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 12.7 บาท (23.5XPER’23E)
**2Q23 กำไร 154 ลบ. (-11%YoY,-10%QoQ) **
• STEC มีกำไรสุทธิงวด 2Q23 ที่ 154 ลบ. (-11%YoY,-10%QoQ) เป็นผลจากกำไรขั้นต้นรวมที่เหลือเพียง 2.1%
• รายได้อยู่ที่ 7,231 ลบ. (+7%YoY,+12%QoQ) ปรับตัวดีขึ้นหลังรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้มากขึ้น
• กำไรขั้นต้นรวมที่ 2.1% ลดลงจาก 4.1% ใน 2Q22 และ 5.9% ใน 1Q23 โดยกำไรขั้นต้นของธุรกิจก่อสร้างเหลือเพียง 2% จาก 3.9% ใน 2Q22 และ 5.7% ใน 1Q23 ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 216 ลบ. (+5%YoY,-3%QoQ) รวมแล้ว STEC ขาดทุนจากการดำเนินงาน 60 ลบ. จากที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 59 ล้านบาทใน 2Q22 และ 186 ล้านบาทใน 1Q23
• ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมรับรู้มา 36 ล้านบาท (+184%YoY) และดีขึ้นจากที่รับรู้ขาดทุน 1 ล้านบาทใน 1Q23 โดยในไตรมาสนี้ STEC รับรู้เงินปันผลเข้ามา 149 ล้านบาท (+44%YoY)
• รวมในช่วง 1H23 STEC มีรายได้ 13,669 ล้านบาท (-5%YoY) และมีกำไรสุทธิ 325 ล้านบาท (-20%YoY)
**Backlog หลุดแสนล้าน **
• Backlog ของ STEC ณ สิ้น 2Q23 หลุดระดับ 100,000 ล้านบาทแล้วหลังจากยังไม่มีงานใหม่เข้ามา โดยเราคาดว่าจะอยู่ที่ 99,718 ล้านบาท แบ่งเป็นงานที่เซ็นสัญญาแล้วประมาณ 72,600 ลบ. และงานที่รอเซ็นสัญญา (โครงการสนามบินอู่ตะเภาเฟส 1) อีก 27,000 ลบ. ทั้งนี้ระดับดังกล่าวยังรองรับรายได้ไปอีกประมาณ 2-3 ปี โดยเรามองว่าหากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะทำให้มีงานก่อสร้างออกมามากขึ้น โดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าสายสีส้มที่มีโอกาสเข้าไปรับงานก่อสร้างเพิ่มเติม แม้ไม่ได้เป็นผู้ชนะการประมูลก็ตาม รวมถึงงานสนามบินอู่ตะเภาที่ยังมีงานก่อสร้างรออยู่อีกมาก
ปรับกำไรปี 23 ลงอีกครั้งเหลือ 823 ล้านบาท (-4%YoY)
• แม้รายได้จะเห็นการฟื้นตัว แต่ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงอีกครั้งทำให้เราปรับกำไรขั้นต้นทั้งปีของธุรกิจก่อสร้างเหลือเพียง 4.8% จาก 5.5% ส่งผลให้กำไรสุทธิเหลือ 823 ล้านบาท (-4%YoY) จากเดิมที่เราคาดไว้ที่ 916 ล้านบาท
• เรายังคงแนะนำเพียง “ซื้อเก็งกำไร” เท่านั้นและประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 12.7 บาท (23.5XPER’23E) จากเดิม 14.1 บาท โดยมีประเด็นบวกหลักคือการคาดหวังถึงการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่หลังการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ