Pi STOCK UPDATE : TVO (HOLD : FAIR PRICE Bt26.60)

Published
Share this article:

" หวังครึ่งหลังดีขึ้น "

เราแนะนำเพียง “ซื้อเก็งกำไร” โดยมองว่าจุดเด่นที่ STEC เหลืออยู่คือการอยู่ในอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากการจัดตั้งรัฐบาล และมีการผลักดันงานก่อสร้างขนาดใหญออกมา ขณะที่ปัจจัยบวกเดิมอย่าง Backlog เริ่มลดลงจนต่ำกว่า 100,000 ล้านบาทแล้ว นอกจากนี้ผลประกอบการงวด 2Q23 กำไรขั้นต้นที่เคยฟื้นมาในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมากลับมาลดลงแรงอีกครั้ง ซึ่งทำให้เราปรับกำไรทั้งปีลงจากเดิมอีก 10% มาอยู่ที่ 823 ล้านบาท (-4%YoY) โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 12.7 บาท (23.5XPER’23E)

TVO มีกำไรสุทธิลดลงอีกไตรมาสเหลือเพียง 35 ล้านบาท (-96%YoY,-73%QoQ) แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษจะขาดทุน 73 ล้านบาท เกิดจากราคาขายที่ลดลงทั้งกากถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลือง แนวโน้มช่วง 2H23 คาดว่าจะค่อยๆดีขึ้นหลังต้นทุนเมล็ดถั่วเหลืองอ่อนตัวลง แต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเพราะความต้องการกากถั่วเหลืองที่ลดลงหลังราคาเนื้อสัตว์อยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก และด้วยในช่วง 1H23 มีกำไรเพียง 163 ล้านบาทเราจึงปรับกำไรทั้งปีลงจากเดิม 65% เหลือ 430 ล้านบาท (-73%YoY) ส่วนคำแนะนำการลงทุนแม้แนวโน้มจะดีขึ้น เราจึงคงคำแนะนำ “ถือ” เช่นเดิม ทั้งนี้ TVO จ่ายเงินปันผลงวด 1H23 จำนวน 0.16 บาท/หุ้น XD 25 ส.ค. จ่าย 8 ก.ย.

2Q23 กำไรสุทธิ 35 ลบ. (-96%YoY,-73%QoQ)

• TVO มีกำไรสุทธิ 2Q23 เพียง 35 ลบ. (-96%YoY,-73%QoQ) แต่ถ้าไม่รวมกลับรายการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ 247 ล้านบาท ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 103 ล้านบาท รายการพิเศษอื่นๆ ที่เป็นยอดขาดทุน 36 ลบ. จะขาดทุนอีก 73 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากกำไรขั้นต้นที่เหลือเพียง 1.3% ยังคงเป็นผลจากต้นทุนที่ยังอยู่ในระดับสูงสวนทางกับราคาขายที่ลดลงตามความต้องการเลี้ยงสัตว์

• รายได้อยู่ที่ 9,084 ล้านบาท (-5%YoY,-4%QoQ) นอกเหนือจากราคากากถั่วเหลืองที่ลดลง แล้วยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่ลดลงตามราคาน้ำมันปาล์ม กำไรขั้นต้นเหลือเพียง 1.3% ลดลงจาก 12% ใน 2Q22 และ 1.6% ใน 1Q23 ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 222 ลบ. (-4%YoY,+7%QoQ)

• 1H23 TVO มีกำไรสุทธิ 163 ล้านบาท (-90%YoY) ถ้าไม่รวมรายการพิเศษจะขาดทุน 150 ล้านบาท จากกำไร 1,323 ล้านบาทใน 1H22

ฤดูกาล 23/24 คาดผลผลิตบราซิลกับอาเจนติน่าออกมาดี

• ภาพรวมผลผลิตถั่วเหลืองในฤดูการผลิตปี 23/24 คาดว่าจะสูงถึง 403 ล้านตัน (+9%YoY) ส่วนใหญ่มาจากอาเจนติน่าที่กลับสู่ระดับ 48 ล้านตัน และบราซิลที่ประเมินไว้ที่ระดับ 163 ล้านตัน ขณะที่ผลผลิตจากสหรัฐฯ คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยหลังมีการปรับพื้นที่เพาะปลูกลง 5% อย่างไรก็ตามด้วยประมาณการณ์ดังกล่าวยังมีความเสี่ยงจากประเทศอาเจนติน่าว่าจะออกมาได้ตามนั้นหรือไม่ ซึ่งอาจจะทำให้ราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ส่วนในแง่ความต้องการบริโภคยังต้องรอดูว่าจีนจะกลับมาเลี้ยงสุกรมากน้อยเพียงใดหลังราคาสุกรเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แล้ว

**ปรับกำไรทั้งปีลงอีกครั้งเหลือ 430 ล้านบาท (-73%YoY) **

• แม้ว่าในช่วง 3Q23 เราคาดว่ากำไรสุทธิจะดีขึ้นหลังต้นทุนเริ่มลดลงแต่ด้วยความต้องการบริโภคอาหารสัตว์ยังไม่ดีนักหลังราคาสุกรปรับตัวลดลงต่ำกว่า 65 บาท/กก. ทำให้กำไรสุทธิยังคงลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ และทำให้เราปรับกำไรทั้งปีลงอีก 65% เหลือเพียง 430 ล้านบาท (-73%YoY) ส่วนปี 24 คาดว่าด้วยกำลังการผลิตใหม่ที่จะเข้ามาในช่วง 2Q24 จะทำให้ผลประกอบการกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งโดยเบื้องต้นเราคาดรายได้และกำไรอยู่ที่ 37,526 ล้านบาท (+4%YoY) และ 1,173 ล้านบาท (+173%YoY)

• ระยะสั้นด้วยกำไรที่น้อยทำให้ผลตอบแทนเงินปันผลยังไม่น่าสนใจนัก 1H23 จ่ายเพียง 0.16 บาท/หุ้น XD 25 ส.ค. จ่าย 8 ก.ย. เราจึงยังคงคำแนะนำ “ถือ” สำหรับนักลงทุนเดิมไปก่อน และประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 26.6 บาท (2XPBV’23E)