Pi STOCK UPDATE : TOP (BUY : FAIR PRICE Bt64.00)
" คาดกำไรไตรมาส 2/23 แตะจุดต่ำ "
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/23 ที่ 236 ล้านบาท ลดลง 99% YoY และ 95% QoQ ฉุดจากกำไรขั้นต้นเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ (GIM) ที่ลดลงและขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ขณะที่ประเมินว่าค่าการกลั่นจะลดลงเหลือ US$4.7/บาร์เรล (-81% YoY, -53% QoQ) หลังจากส่วนต่างราคาน้ำมันชนิดกลางปรับลดลง สาเหตุจากการส่งออกของจีนที่สูงขึ้น ทั้งนี้ เรายังมองบวกต่อภาพรวมครึ่งปีหลัง เพราะค่าการกลั่นฟื้นขึ้นแล้ว เพราะส่วนต่างราคาดีเซลและเชื้อเพลิงอากาศยานที่แข็งแกร่งขึ้นจากฐานต่ำในเดือน เม.ย. ทั้งนี้ เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 64.00 บาท
ค่าการกลั่นที่อ่อนแอจะฉุดกำไรไตรมาส 2/23 ลง
• เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/23 ที่ 236 ล้านบาท (-99% YoY, -95% QoQ) ฉุดจาก GIM ที่ลดลงและขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน
• ประเมินว่า GIM (รวมธุรกิจการกลั่นและเคมีภัณฑ์) จะลดลงเหลือ US$4.4/บาร์เรล จาก US$33.7/บาร์เรล ในไตรมาส 2/22 และ US$8.3/บาร์เรล ในไตรมาส 1/23 จาก 1) ค่าการกลั่นที่ลดลง 2) ส่วนแบ่งน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ลดลงและ 3) ขาดทุนสต็อกน้ำมันที่ 2.0 พันล้านบาท เพราะราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง
• ในด้านธุรกิจโรงกลั่น (80% ของ EBITDA) คาดว่าค่าการกลั่นจะลดเหลือ US$4.7/บาร์เรล (-81% YoY, -53% QoQ) หลังจากส่วนต่างราคาน้ำมันชนิดกลางลดลงเพราะการส่งออกจากจีนที่สูงขึ้น
• ขณะที่คาดว่าส่วนแบ่งจากธุรกิจอะโรเมติกส์จะยังทรงตัว QoQ ที่ US$0.9/บาร์เรล เพราะแม้ว่าส่วนต่างราคา PX จะฟื้นตัว 18% QoQ ในไตรมาส 2/23 แต่กำไรที่ได้มาส่วนใหญ่จะถูกหักลบจากส่วนต่างราคา BZ ที่ลดลง สำหรับส่วนแบ่งน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานคาดว่าจะลดเหลือ US$0.8/บาร์เรล ลดลงจาก US$1.1/บาร์เรลในไตรมาส 1/23 เพราะส่วนต่างราคาที่ลดลงจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น
• นอกจากนี้ TOP จะรับรู้ขาดทุนพิเศษครั้งเดียวจำนวน 500 ล้านบาท ผลจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน (FX) 1.0 พันล้านบาท หักลบกับกำไรจากการป้องกันความเสี่ยง 500 ล้านบาท
ค่าการกลั่นส่งสัญญาณฟื้นตัวดี
เราคาดว่ากำไรไตรมาส 2/23 จะต่ำสุดในปีนี้ และคาดว่าจะฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 2023 หลังค่าการกลั่นปรับเพิ่มขึ้น ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับเพิ่มเป็น US$5.3/บาร์เรลในกลางเดือน ก.ค. เทียบจุดต่ำไตรมาสก่อนที่ US$3.5/บาร์เรลในเดือน เม.ย. ส่วนต่างราคาดีเซลจะแข็งแกร่งขึ้นต่อเนื่องจากการส่งออกของจีนที่ลดลงและปริมาณสต็อกที่ต่ำในสิงคโปร์ (ต่ำค่าเฉลี่ย 5 ปี) ด้านส่วนต่างราคาเบนซินคาดได้แรงหนุนจากอุปสงค์ตามฤดูกาลจากสหรัฐฯ (ฤดูขับขี่ท่องเที่ยว) และอุปสงค์เชื้อเพลิงอากาศยานที่ฟื้นตัวหลังจีนเปิดประเทศ ในด้านอุปสงค์ คาดว่าการเติบโตของยอดขายเบนซินจะได้แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคลที่สูงขึ้น (+14% YoY) และเชื้อเพลิงอากาศยานที่ได้อานิสงส์จากจำนวนเที่ยวบินที่มีมากขึ้น (65%-75% ของช่วงก่อนเกิด COVID-19) ขณะที่คาดว่ายอดขายดีเซลจะอ่อนตัวลง YoY ในปี 2023 สืบเนื่องจากอุปสงค์ในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ลดลง
คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 64.00 บาท
เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 64.0 บาท อิง 0.9x PBV’23E คิดเป็นส่วนลด 10% ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี สะท้อนสมมติฐานอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ลดลงในปี 2023 โดยเรามองว่าราคาปัจจุบันได้สะท้อนภาพรวมกำไรที่อ่อนแอในไตรมาส 2/23 ไปแล้ว ขณะที่คาดถึงการพลิกฟื้นในครึ่งปีหลัง และเมื่อพิจารณาร่วมกับมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง เราจึงเชื่อว่าตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมแล้วกับการเข้าสะสม