Pi STOCK UPDATE : IVL (BUY : FAIR PRICE Bt43.00)

Published
20 June 2023
Share this article:

" แนวโน้มการเติบโตที่สดใสสำหรับธุรกิจ IOD "

หลังเข้าร่วมสำนักงานใหญ่รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) และโรงงาน 3 แห่งของ Oxiteno ในบราซิล เราก็มีมุมมองเชิงบวกต่อโมเดลธุรกิจและภาพรวมการเติบโตในอนาคตของบริษัท ด้วยสถานะผู้ผลิตเอทิลีนออกไซด์ (EO) และแฟตตี้แอลกอฮอล์ธรรมชาติ (FA) รายเดียวในลาตินอเมริกา ทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบทางต้นทุนที่สูงกว่าเพื่อน และทำให้มีสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับลูกค้ารายหลักในกลุ่มสินค้าครัวเรือนและส่วนบุคคล (HPC) โซลูชั่นการเกษตรเพาะปลูก และกลุ่มสารเคลือบผิว สำหรับกลุ่มสินค้ามูลค่าเพิ่ม (HVA)/สารลดแรงตึงผิว และเคมีภัณฑ์ของ Oxiteno/ ธุรกิจออกไซด์และอนุพันธ์แบบบูรณาการ (IOD) ก็มี EBITDA margin ที่สูงขึ้น หรือยืนเหนือ 20% เทียบกับ 0%-12% ในธุรกิจ PET แบบบูรณาการ เรามองว่าส่วนแบ่งกำไรจาก Oxiteno และธุรกิจ IOD จะโตขึ้นจากอัตรากำไรที่ดีขึ้นหลังเปิดตัวสินค้า HVA ใหม่ที่ได้มาจากงาน R&D และยอดขายที่โตขึ้นเพราะประเมินว่ายอดขายตลาดปลายน้ำจะโต 3%-7% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 43.0

มองบวกหลังเข้าเยี่ยมชม Oxiteno

• สถานะธุรกิจแข็งแกร่ง: Oxiteno คือผู้นำด้านบริการสารลดแรงตึงผิวในลาตินอเมริกา และเป็นผู้ผลิต EO (วัตถุดิบหลักสำหรับสารลดแรงตึงผิว) และ FA ธรรมชาติรายเดียวในภูมิภาค 95% ของสินค้าบริษัทเป็นสินค้าสำหรับตลาดปลายน้ำ ขณะที่มีสัดส่วนรายได้ก้อนใหญ่มาจากกลุ่มสารเคลือบผิวและทรัพยากร (44%) HPC (22%) และโซลูชั่นการเกษตรเพาะปลูก (22%)

• การเติบโตของตลาดปลายทางที่ 3%-7%: ด้วยพอร์ตที่อุดมไปด้วยสินค้ากว่า 2,500 รายการ บริษัทจึงมีตลาดที่รองรับการขยายกิจการจำนวนมาก ตลาดปลายทางหลักนั้นรวมถึง HPC มูลค่าตลาด US$2.80 หมื่นล้าน โตเฉลี่ยต่อปี 7% ตลาดสารเคลือบผิวและทรัพยากรมีมูลค่าตลาด US$4.0 พันล้าน โต 4% ส่วนตลาดโซลูชั่นการเกษตรเพาะปลูกมีมูลค่าอยู่ที่ US$1.4 พันล้าน โต 3%

• มีลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก: ด้วยการที่บริษัทมีสถานะเป็นผู้ผลิต EO รายเดียวในลาตินอเมริกา จึงทำให้มีข้อได้เปรียบทางต้นทุนมากที่สุด พร้อมกับมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับลูกค้ารายใหญ่ในตลาดปลายทาง เช่น Unilever, P&G (กลุ่ม HPC); Bayer, Syngenta (กลุ่มโซลูชั่นการเกษตรเพาะปลูก; BASF (กลุ่มสารเคลือบผิว).

• นำเสนอสินค้า HVA ผ่าน R&D: ด้วยศูนย์ R&D 8 แห่งทั่วโลก ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีโครงการในการดำเนินงานกว่า 400+ โครงการ ขณะที่ EBITDA ในธุรกิจ IOD นั้นมีสัดส่วนอัตรากำไรมาจากการพัฒนาสินค้าใหม่ (กรอบ 5 ปี) ที่ 11%-13%

ยอดขายและอัตรากำไรที่ฟื้นตัวในไตรมาส 2 และครึ่งปีหลัง

คาดกำไรไตรมาส 2/23 จะฟื้นตัว QoQ จากปริมาณขาย PET ที่ดีขึ้น หนุนจากหน้าร้อนและภาคการท่องเที่ยว แต่มองบวกมากขึ้นต่อภาพรวมครึ่งปีหลัง เพราะปริมาณขาย IOD ในกลุ่มโซลูชั่นการเกษตรเพาะปลูกปลายน้ำจะฟื้นตัวขึ้น ส่วนธุรกิจเส้นใยจะได้อานิสงส์จากการเคลื่อนที่ในจีนที่ปรับดีขึ้น

คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 43.0 บาท

คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 43.0 บาท อิง 1.2xPBV’23E สูงกว่า -1SD ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปีเล็กน้อย เราชอบ IVL เพราะกำไรมั่นคงกว่าเพื่อน สินค้า 60% มีกันชนต่อสภาวะเศรษฐกิจถดถอย (บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม (F&B), HPC ฯลฯ)