Pi STOCK UPDATE : GGC (SELL : FAIR PRICE Bt10.00)

Published
09 August 2023
Share this article:

" FA ที่อ่อนแอฉุดกำไรไตรมาส 2/23 ลง "

เราปรับลดคำแนะนำเป็น "ขาย" หลังปรับลดมูลค่าพื้นฐานลง 22% เป็น 10.0 บาท (จาก 12.8 บาท) เพราะมองว่ามูลค่าควรถูกคิดลดลงเนื่องจากภาพรวมกำไรที่ไม่สู้ดีและอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ลดเหลือ 3%-4% สำหรับปี 2023-24 กำไรสุทธิไตรมาส 2/23 ลดลง 98% YoY และ 82% QoQ เป็น 7.0 ล้านบาท ฉุดจากอัตรากำไรทั้งเมทิลเอสเตอร์ (ME) และแฟตตี้แอลกอฮอล์ (FA) ที่อ่อนแอ ส่วนการขยายตัวของอัตรากำไรในครึ่งหลังปี 2023 - 2024 ยังมีศักยภาพที่จำกัด ขณะที่คาดราคาขาย ME จะเผชิญแรงกดดันจากกลุ่ม B100 เพราะการปรับลด B7 และกำลังการผลิตที่สูงขึ้น ขณะที่คาดว่าอุปสงค์การนำเข้าจากอินเดียและจีนที่ลดลงจะไปกดดันอัตรากำไร FA

**กำไรลดลงในไตรมาส 2/23 **

• กำไรสุทธิไตรมาส 2/23 อยู่ที่ 7.0 ล้านบาท (-98% YoY, -82% QoQ) ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด ฉุดลงจากอัตรากำไรที่ลดลงทั้งในธุรกิจ ME และ FA

• ธุรกิจ FA (86% ของ EBITDA รวม) มี EBITDA แบบปรับฐานตัวเลขที่ลดลงเป็น 101.0 ล้านบาท (-64% YoY, -83% QoQ) หลังจากรายได้ลดลงเป็น 1.1 พันล้านบาท (-56% YoY, -17% QoQ) และอัตรากำไรที่หดตัว 1) ปริมาณการขายที่ลดลง 12% YoY และ 1% QoQ เพราะอุปสงค์ที่ลดลงจากจีน (เศรษฐกิจอ่อนแอ) และอินเดีย (คิดภาษีนำเข้าจากอินโดนีเซีย มาเลเซียและไทยที่สูงขึ้น 3%-30% ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2023 และ 2) ราคา FA เฉลี่ยที่ลดลง 49% YoY และ 7% QoQ จากอุปสงค์และความพร้อมของสินค้าทดแทนน้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) เช่น น้ำมันมะพร้าว (CCNO) ที่ลดลง ทำให้รายได้ลดลง ส่วน EBITDA margin ของธุรกิจ FA ลดเหลือ 9% จาก 22% ในไตรมาส 2/22 และ 20% ในไตรมาส 1/23

• ธุรกิจ ME (14% ของ EBITDA) มี EBITDA แบบปรับฐานที่ลดลง 80% YoY เป็น 43.0 ล้านบาท แต่ปรับเพิ่มจาก 4.0 ล้านบาทในไตรมาส 1/23 ทั้งนี้ แม้ปริมาณขาย ME จะดีขึ้น 31% YoY หลังปรับมาใช้ B7 ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2022 แต่ราคาขายที่ลดลงจากสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในประเทศที่ลดลงทำให้รายได้และอัตรากำไรลดลง นอกจากนี้ แต่ปริมาณการขายที่โต 5% และราคาที่ดีขึ้นจากการผลิตที่ต่ำตามฤดูกาลทำให้รายได้และอัตรากำไรโต QoQ

อุปทานล้นตลาดและอุปสงค์อ่อนแอ

• เรามองลบต่อภาพรวมครึ่งหลังปี 2023 - 2024 เพราะตลาดเผชิญแรงกดดันจากสภาวะอุปทาน ME และ FA ที่ล้นตลาด แม้คาดว่ายอดขาย FA จะค่อย ๆ ฟื้นจากอุปสงค์ที่สูงตามฤดูกาลในไตรมาส 4/23 บวกกับโอกาสด้านยอดขาย ME จากการกลับมาใช้ B10 หลังไตรมาส 3/23 แต่เรามองว่าการตุนสต็อกและภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะเป็นตัวกดดันอัตรากำไรสินค้าต่อไปในอนาคต

• ด้วยอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ต่ำคาดในครึ่งปีแรก เราจึงปรับลดกำไรสุทธิปี 2023-24 ลง 50% และ 34% เป็น 326.0 ล้านบาท และ 459.0 ล้านบาท หลังปรับลดสมมติฐาน GPM ลง

ลดคำแนะนำเป็น "ขาย" หลังลดมูลค่าพื้นฐานเป็น 10.0 บาท

เราเปลี่ยนวิธีการคำนวณมูลค่าหุ้นจาก PE เป็น PBV และปรับมูลค่าพื้นฐานลง 22% เป็น 10.0 บาท (จาก 12.8 บาท) อิง 1.0x PBV’23E หรือ -1SD ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี โดยมองว่าหุ้นควรถูกคิดลดลงเพราะภาพรวมกำไรที่ไม่สดใส ด้วย ROE ที่ต่ำระดับ 3%-4% สำหรับปี 2023-24 และด้วย downside 15% ต่อราคาปิดล่าสุด เราจึงลดคำแนะนำเป็น "ขาย" (จากถือ)