STEC (BUY : Fair Price : Bt10.40) : 3Q23 โดนสายสีเหลืองกดดัน
เราคาดว่าผลประกอบการงวด 3Q23 จะไม่ดีนักเพราะ 1.ได้รับแรงกดดันจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และ 2.ไม่มีปันผลรับเหมือน 2Q23 เราคาดกำไรไว้เพียง 112 ล้านบาท แม้รายได้และกำไรขั้นต้นจะกลับมาดีขึ้นได้ก็ตาม สำหรับแนวโน้มในอนาคต ต้องติดตามว่า STEC จะมีงานใหม่เข้ามามากน้อย เพียงใดเพราะ Backlog ณ ปัจจุบันลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยดังกล่าวทำให้เราปรับลดกำไรในปี 23-24 ลงกว่า 30% แต่ยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เพราะมองว่าหลังจากนี้รัฐบาลจะเร่งเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่มากขึ้นอย่างเช่นรถไฟฟ้าทางคู่เฟสที่ 2 ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานของ STEC โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 10.4 บาท (23.5XPER’24E)
**คาด 3Q23 กำไรเหลือ 112 ล้านบาท (-19%YoY,-27%QoQ) **
• เราคาดว่า STEC มีกำไรสุทธิงวด 3Q23 ที่ 112 ลบ. (-19%YoY,-27%QoQ) สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเข้ามาหลังจากเริ่มเปิดอย่างเป็นทางการช่วงกลางปีที่ผ่านมา
• รายได้คาดที่ 7,815 ลบ. (+5%YoY,+8%QoQ) ปรับตัวดีขึ้นหลังมีงานขนาดใหญ่อย่างสายสีม่วงตอนใต้มีความคืบหน้ามากขึ้น
• กำไรขั้นต้นรวมคาดที่ 4.6% ดีขึ้นจาก 4.4% ใน 3Q22 และ 2.1% ใน 2Q23 โดยกำไรขั้นต้นของธุรกิจก่อสร้างกลับมาสู่ระดับปกติที่ 4.5% หลังจากเหลือเพียง 2% ใน 2Q23 เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเข้ามาเหมือน 2Q23 ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 188 ล้านบาท (+2%YoY,-13%QoQ) รวมแล้ว STEC มีกำไรจากการดำเนินงาน 175 ล้านบาท (+19%YoY) และพลิกจากที่ขาดทุน 60 ล้านบาทใน 2Q23
• ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมรับรู้มา 50 ล้านบาท จากที่รับรู้กำไร 11 ล้านบาทใน 3Q22 และ 36 ล้านบาทใน 2Q23 ส่วนใหญ่มาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ STEC ถือหุ้น 15% หลังเริ่มเปิดอย่างเป็นทางการในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงแรกผู้โดยสารยังไม่มากนักจึงทำให้ยังมีผลขาดทุนอยู่
งานใหม่มีบ้างแต่ไม่มากนัก
• นับตั้งแต่ต้นปี STEC มีการเซ็นสัญญางานใหม่เข้ามาเพียง 2,400 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีงานรอเซ็นสัญญาอีก 2 โครงการมูลค่ารวมกว่า 28,000 ล้านบาท โดยงานสนามบินอู่ตะเภาคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในช่วง 1H24 ส่วนงานอาคาร Senior complex คาดเซ็ยภายในปีนี้ ทำให้ Backlog ณ สิ้น 3Q23 จะเหลือเพียง 67,000 ล้านบาทเท่านั้น โดยต้องรอดูว่างานขนาดใหญ่จะเข้ามามากน้อยเพียงใดหลังจากนี้ โดยเฉพาะงานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะทยอยออกมาเช่นรถไฟทางคู่เฟส 2 เป็นต้น
ปรับกำไรปี 23-24 ลง 30% แต่ยังแนะนำ ”ซื้อเก็งกำไร”
• จากผลประกอบการงวด 3Q23 ที่คาดว่ากำไรจะลดลง ทำให้เราปรับกำไรทั้งปีลง 30% เหลือ 564 ล้านบาท (-34%YoY) ส่วนปี 24 ด้วยงานใหม่ที่เข้ามาช้าทำให้เราปรับรายได้ลง 15% เหลือ 29,942 ล้านบาทใกล้เคียงกับปี 23 และคาดกำไรที่ลดลงจากเดิม 32% มาอยู่ที่ 673 ล้านบาท (+19%YoY)
• แม้ผลประกอบการอาจจะไม่ดีนัก แต่ด้วยการที่ภาครัฐเตรียมเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ออกมา ซึ่งจะเป็นผลดีในการเพิ่ม Backlog ให้กับ STEC ได้เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” และประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 10.4 บาท (23.5XPER’24E) จากเดิม 12.7 บาท