STANLY (BUY : Fair Price : Bt225.00) : FY2Q24 กำไรสุทธิ 495 ล้านบาท
**STANLY มีกำไรสุทธิ FY2Q24 (ก.ค.-ก.ย.) ที่ 495 ลบ. (+2%YoY,+57%QoQ) เทียบกับปีก่อน เติบโตได้จากผลดีของรายได้ที่เพิ่มขึ้นสวนทางอุตสาหกรรมที่ยอดการผลิตลดลง รวมถึงการรับรู้รายได้จากรถยนต์รุ่นใหม่เข้ามาเต็มไตรมาส ส่วนการเพิ่มจากไตรมาส ก่อนเป็นผลตามฤดูกาลรวมถึงกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น สำหรับแนวโน้มช่วง FY2H24 โดยรวมคาดว่าจะเพิ่มมากกว่า FY1H24 หลังจากคำสั่งซื้อใหม่จะเริ่มมีปริมาณมากขึ้นตามการเปิดตัวในตลาดโลก แต่หากเทียบกับ FY2H23 ยังต้องรอดูอีกครั้งเพราะปีก่อนมีฐานที่ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะ FY4Q23 ซึ่งกำไรในช่วง FY1H24 คิดเป็นสัดส่วน 43% ของกำไรสุทธิทั้งปี ทำให้เราปรับกำไรในปี FY24 ลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1,724 ล้านบาททรงตัวจากปีก่อน และยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานได้ใหม่ที่ 225 บาท (10XPER’24E) **
กำไร FY2Q24 อยู่ที่ 495 ลบ. (+2%YoY,+57%QoQ)
• STANLY มีกำไรสุทธิ FY2Q24 ที่ 495 ลบ. (+2%YoY,+57%QoQ) ถ้าไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 11 ล้านบาท กำไรปกติจะอยู่ที่ระดับ 485 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 4%YoY,+60%QoQ
• รายได้ไว้ที่ 3,745 ลบ. (+6%YoY,+13%QoQ) เทียบกับปีก่อนเติบโตสวนทางกับยอดผลิตรถยนต์รวมที่ลดลง 6%YoY เกิดจากมูลค่าต่อชิ้นงานที่เพิ่มขึ้นหลังจากสินค้าใหม่มีมูลค่าสูงอย่างเช่น กระบะรุ่นใหม่ของ Mitsubishi และมีรายได้จากการขายแม่พิมพ์เข้ามากว่า 150 ล้านบาท(ปีก่อนมีประมาณ 63 ล้านบาท) ส่วนการเพิ่มขึ้นจาก FY1Q24 เป็นผลตามฤดูกาลเพราะไตรมาสก่อนมีวันหยุดมากและลูกค้าที่เคยชะลอคำสั่งซื้อมีการกลับมาสั่งตามปกติแล้ว
• อัตรากำไรขั้นต้นที่ 16.3% ลดลงจาก 17% ใน FY2Q23 แต่ดีขึ้นจาก 15.3% ใน FY1Q24 ได้รับผลดีจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 281 ลบ. (+1%YoY,+5%QoQ)
• ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมอยู่ที่ 87 ลบ. (-28%YoY,-9%QoQ) ทาง STANLY ให้เหตุผลว่าเป็นผลจากการแปลงค่าเงิน
• รวมแล้วในช่วง FY1H24 STANLY มีรายได้ 7,051 ล้านบาท (+3%YoY) กำไรสุทธิ 810 ล้านบาท (+1%YoY) ส่วนกำไรปกติ 788 ล้านบาท (+3%YoY)
**FY2H24 คาดดีขึ้นจาก FY1H24 **
• แนวโน้มช่วง FY2H24 ในแง่รายได้คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวจาก FY1H24 ได้ หลังจากเริ่มรับรู้รายได้จากโมเดลใหม่อย่าง HONDA Accord ที่เปิดไปในช่วงต้นเดือน ต.ค. และรถกระบะ Mitsubishi Triton ที่จะเริ่มส่งออกมากขึ้นจะช่วยหนุนคำสั่งซื้อให้เพิ่มขึ้นได้ แต่หากเทียบกับ FY2H23 ยังต้องรอติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะมีฐานที่สูงโดยเฉพาะในช่วง FY4Q23 ที่มีกำไรสุทธิสูงถึง 565 ล้านบาท
ระยะยาวยังดูดี จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" เช่นเดิม
• แนวโน้มระยะยาวเรายังมองว่าจากการที่ STANLY เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมหลอดไฟทำให้มีโอกาสได้รับงานเพิ่มจากการที่ผู้ประกอบการจากจีนมาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในไทยแต่ด้วยกำไรในช่วง FY1H24 ที่คิดเป็นสัดส่วนเพียง 43% ของกำไรทั้งปี เราจึงปรับกำไรในปี 24 ลง 8% มาอยู่ที่ 1,724 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยเราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิมและประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 225 บาท (10PER’24E)