Pi STOCK UPDATE : PSL (BUY : FAIR PRICE Bt12.40)
" คาดค่าระวางเรือเทกองฟื้นตัวไตรมาส 3/23 "
กำไรปกติไตรมาส 2/23 ออกมาสูงกว่าที่เราและตลาดคาดที่ 258 ล้านบาท (54 ล้านบาทในไตรมาส 1/23) คาดว่าค่าระวางเรือเทกองจะฟื้นตัวแข็งแกร่งในปลายไตรมาส 3/23 ถึงสิ้นปี หนุนจากปัจจัยตามฤดูกาล เช่น อุปสงค์ต่อถ่านหินที่สูงขึ้นในช่วงหน้าร้อน และการเก็บเกี่ยวธัญพืชทางซีกโลกเหนือ ส่วนในระยะยาว อุปสงค์-อุปทานที่มีสมดุลดีขึ้นจะพยุงให้ค่าระวางยังอยู่ในระดับที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังทำกำไรได้ หนุนจาก 1) การส่งมอบของเรือเทกองย่อยที่จำกัด 2) อุปสงค์จากจีนที่ฟื้นตัวจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ค่อยฟื้นตัวและการที่หน่วยงานภาครัฐเดินหน้าแก้ไขวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ราคาหุ้นลงมาเทรดใกล้เคียง -1.0 SD. ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี ซึ่งถือเป็นจุดที่ยังน่าสนใจสำหรับลงทุนเมื่อเห็นสัญญานการกลับตัวของค่าระวางเรือ เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 12.40 บาท อิง 1.1xPBV’24E หรือ -0.5 S.D. ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย MSCI กลุ่มขนส่งในเอเชียที่ไม่รวมญี่ปุ่น
กำไรปกติไตรมาส 2/23 ฟื้นตัวจากจุดต่ำไตรมาส 1/23
• กำไรสุทธิไตรมาส 2/23 อยู่ที่ 286 ล้านบาท (-83%YoY, +263%QoQ) หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) และอนุพันธ์ กำไรปกติจะอยู่ที่ 258 ล้านบาท (-84%YoY +376%QoQ) โดยกำไรที่ลดลงแรง YoY เป็นเพราะฐานสูงจากการที่สภาวะการสัญจรของเรือที่แออัดในช่วงปี 2021 และครึ่งแรกปี 2022 ที่สิ้นสุดลงแล้ว บวกกับการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่วนกำไรที่ฟื้น QoQ ได้แรงหนุนจากค่าระวางเรือเทกองที่พลิกฟื้นหลังช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้ อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยของบริษัทปรับเพิ่มจากจุดต่ำรอบ 9 ไตรมาสในไตรมาส 1/23 มาอยู่ที่ US$11,424/วัน (-52%YoY +14%QoQ)
• อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยของตลาดสำหรับเรือ Supramax และ Handy-sized อยู่ที่ US$10,763 (-63%YoY +6%QoQ) และ US$10,414 (-62%YoY +7%QoQ) ตามลำดับ ค่าระวางที่โดดเด่นของบริษัทเหนือตลาดได้แรงหนุนจากกลุ่มเรือขนาดใหญ่ประเภท ‘Supra-Ultramax’ และอานิสงส์จากการที่บริษัทมีสัดส่วนของสัญญาเช่าเรือระยะยาว ที่มีค่าระวางคงที่ ในจำนวนที่สูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่น
• อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 33.7% ในไตรมาส 2/23 ฟื้นตัวแข็งแกร่งจากจุดต่ำรอบ 10 ไตรมาสที่ 22.8% ในไตรมาส 1/23 แต่ยังห่างไกลจาก 70.4% ในไตรมาส 2/22 เพราะผลประโยชน์จาก operating leverage ที่ลดลงในช่วงที่ค่าระวางปรับลดลง
คาดค่าระวางฟื้นตัวตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/23
• เราคาดว่าอุปสงค์สำหรับเรือสินค้าเทกองจะฟื้นตัวตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/23 หลังเข้าสู่ช่วง high season ส่วนการบริโภคและภาคอสังหาฯ ในจีนที่ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นจะยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่จะตามมาในอนาคต ส่วนประเด็นสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงจากปรากฏการณ์ลานีญาสู่เอลนีโญก็อาจช่วยกระตุ้นอุปสงค์เรือเทกองอีกแรง สืบเนื่องจากฝนที่ตกหนักในสหรัฐฯ อาเจนตินา และบราซิลจะช่วยหนุนการเพาะปลูกและผลผลิตจำพวกธัญพืชได้ ซึ่งจะเป็นคุณต่อปริมาณการส่งออกสินค้าเกษตรโดยรวม สำหรับอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติในอินเดีย ยุโรป และจีนก็อาจช่วยกระตุ้นอุปสงค์การนำเข้าถ่านหินได้ เพราะสภาวะดังกล่าวจะช่วยฉุดการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำลง ทั้งนี้ Clarkson Research ประเมินใหม่ว่าปริมาณอุปสงค์การส่งสินค้าผ่านเรือเทกองในแง่ของตัน-ไมล์จะโตขึ้น 3.3% ในปี 2023 และ 2.5% ในปี 2024 จากเดิมที่คาดว่าจะโต 1.9% และ 2.3% ตามลำดับ
• ขณะที่มีการประเมินการเติบโตของจำนวนกองเรือเทกองที่ 3.6% และ 1.8% ในปี 2023-24 ตามลำดับ เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบจากการลดความเร็วของการเดินเรือเฉลี่ยที่คาดลดลง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการปล่อยคาร์บอนฯ ใหม่ภายใต้กฎเกณฑ์ 'EEXI' และ 'CII' จึงมีการประเมินว่าอุปทานสุทธิ Net supply) จะลดลงในกรอบ 2.0%-2.5% ในปี 2023-24
• ขณะที่เราคาดว่าค่าระวางในปี 2024 จะอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพและสามารถทำกำไรได้ดี เพราะการขยายตัวด้านอุปทานที่จำกัด เนื่องจากอัตราส่วนคำสั่งต่อเรือใหม่ต่อกองเรือโลกที่อยู่ในจุดต่ำสุดตั้งแต่ปี 1996 ที่ 7.4% ต่ำกว่าสัดส่วนเรือที่มีอายุ 20 ปี ต่อจำนวนกองเรือทั้งหมดที่ 8.2% โดยตัวเลขดังกล่าวถูกประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 12.4% ภายในสิ้นปี 2026 ซึ่งเราคาด PSL จะได้ประโยชน์จากจำนวนเรือที่มีแนวโน้มลดลง เพราะอายุการใช้งานเรือโดยเฉลี่ยของบริษัทยังต่ำกว่า 12 ปี