Pi STOCK UPDATE : BJC (BUY : FAIR PRICE Bt45.00)
" กำไรก้อนใหญ่จาก BigC ชดเชยกำไรธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่อ่อนแอ "
กำไรสุทธิไตรมาส 2/23 อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ขณะที่กำไรปกติทรงตัว YoY ที่ 1.16 พันล้านบาท (-4%QoQ) สอดคล้องกับที่เราและ Bloomberg consensus คาด กำไรที่ทรงตัว YoY เป็นเพราะการหักลบกันระหว่างผลงานที่แข็งแกร่งในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (BigC) และกำไรที่ลดลงในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ส่วนปัจจัยบวกสำคัญของหุ้นคือการจดทะเบียน BigC เข้าตลาดในปี 2023 ขณะที่การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) อยู่ที่ 1%-3% ในเดือนก.ค. 2023 จาก 4.8% ใน 2Q23 เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 45.00 บาท
กำไรไตรมาส 2/23 สอดคล้องคาดการณ์
• กำไรธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (BigC) ที่แตะ 1 พันล้านบาท (+15%YoY, +12%QoQ) ในไตรมาส 2/23 การเติบโต YoY ได้แรงหนุนจาก SSSG ที่ 4.8% ไม่รวมยอดขาย B2B ซึ่งได้อานิสงส์มาจาก SSSG หลักหน่วยปลายในกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ต สืบเนื่องจาก 1) ยอดขายกลุ่มอาหารที่สูงขึ้น 2) ยอดขายย่านท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และ 3) ยอดขายช่วงสงกรานต์และหน้าร้อนที่ออกมาดี ส่วน SSSG สำหรับ Mini BigC ลดลงมาอยู่ที่หลักหน่วยต้น ด้านอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่โตแตะ 17.5% ในไตรมาส 2/23 จาก 16.4% ในไตรมาส 2/22 เพราะสัดส่วนยอดขายที่เป็นใจ การทำแคมเปญโปรโมชั่นที่ประสบผลสำเร็จ และประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านโลจิสติกที่ดีขึ้น
• กำไรธุรกิจบรรจุภัณฑ์ลดลงเหลือ 397 ล้านบาท (-29%YoY, -17%QoQ) ในไตรมาส 2/23 เพราะยอดขายที่ลดลงและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น รายได้ยังทรงตัว YoY แต่ลดลง 3%QoQ เป็น 6.1 พันล้านบาท สืบเนื่องจากอุปสงค์กลุ่มบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มขวดแก้วที่ฟื้นตัว 8%YoY หักลบกับยอดขายกระป๋องอลูมิเนียมที่ลดลง เพราะปริมาณขายทั้งในไทยและเวียดนามที่ลดลง ส่วนราคาขายต่อหน่วยก็ลดลงตามราคาอลูมิเนียม สำหรับ GPM ในธุรกิจบรรจุภัณฑ์หดตัวเป็น 18.0% ในไตรมาส 2/23 จาก 20.1% ในไตรมาส 2/22 และ 18.6% ในไตรมาส 1/23 สืบเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
• กำไรธุรกิจอุปโภคบริโภคฟื้นตัวเป็น 281 ล้านบาท (+42%YoY, +1%QoQ) หนุนจาก GPM ที่ดีขึ้นจากส่วนแบ่งยอดขายเครื่องสำอางที่สูงขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบและการขนส่งที่ลดลง ซึ่งช่วยชดเชยกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นหลังจากที่คู่แข่งจัดแคมเปญโปรโมชั่นผลิตภัณฑ์กระดาษมากขึ้น
• กำไรธุรกิจสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิคโตขึ้นเป็น 246 ล้านบาท (+4%YoY, +26%QoQ) ในไตรมาส 2/23 จากยอดขายบริการแมมโมแกรมเคลื่อนที่จากหน่วยธุรกิจเวชภัณฑ์ และยอดขายเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงและโครงการเกี่ยวกับเหล็กทั่วไปจากหน่วยธุรกิจเทคนิค
• รายได้ธุรกิจศูนย์การค้าแตะ 2.4 พันล้านบาท (+6.4%YoY) ในไตรมาส 2/23 หนุนจากพื้นที่ให้เช่าสุทธิ (NLA) ที่เพิ่มเป็น 1.02 ล้าน ตร.ม.(+4%YoY) และอัตราค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น 2%YoY ขณะที่อัตราการเช่าลดลงเป็น 86.3% ในไตรมาส 2/23 จาก 87.7% ในไตรมาส 2/22 แต่ปรับดีขึ้นจาก 86.2% ในไตรมาส 1/23
ปัจจัยบวกต่อหุ้นคือการจดทะเบียน BigC เข้าตลาดในปี 2023
มูลค่าพื้นฐาน 45.00 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) (WACC 7.9%, TG 1.0%) อิง 30xPE’23E หรือค่าเฉลี่ยกลุ่มพาณิชย์ไทย