Pi STOCK UPDATE : TTB (HOLD : FAIR PRICE Bt1.70)
" NIM ขยายตัวช่วยหนุนการเติบโต "
คงคำแนะนำ "ถือ" มูลค่าพื้นฐาน 1.70 บาท แม้การเติบโตของสินเชื่อจะเบาบาง แต่เรามองบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิ สาเหตุจากการขยายตัวของอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลง และการคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2023-24 ขึ้น 10% ทำให้ปัจจุบันคาดว่ากำไรสุทธิปี 2023-24 จะโต 17%/9% ตามลำดับ คาดว่าอัตราส่วนผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) จะเพิ่มเป็น 7.4%-7.7% ซึ่งยังต่ำค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 8.5%-9.1% คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/23 จะโต 24% YoY (-1% QoQ) เป็น 4.3 พันล้านบาท แต่ด้วย upside ที่จำกัดจึงแนะนำ "ถือ" ปันผล 5.3%-5.8% สำหรับปี 2023-24
คาดกำไรไตรมาส 2/23 โตแข็งแกร่ง YoY แต่ทรงตัว QoQ
• TTB ปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังหลังจากการปล่อยสินเชื่อสุทธิงวด 5 เดือนแรกปี 2023 (ม.ค. - พ.ค.) ลดลง 2.2% แม้สินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์และสินเชื่อไม่มีหลักประกันจะปรับสูงขึ้น ทั้งนี้ เรามองว่าปีนี้ธนาคารอาจได้อานิสงส์จากสภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นและค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงมากกว่าปัจจัยเรื่องการเติบโตของสินเชื่อ ทั้งนี้ เราคาดว่าสินเชื่อปี 2023 จะโต 1.2% YoY (เทียบแนวทางผู้บริหารที่ราว 3%)
• คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/23 จะอยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท โต 24% YoY (-1% QoQ) แนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง YoY มีแรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่ปรับสูงขึ้นจากการขยายตัวของ NIM ส่วนที่คาดว่าจะลดลงเล็กน้อย QoQ เป็นเพราะค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (OPEX) ที่สูงขึ้นจนไปกลบการเติบโตของ NII
• คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.8% เพราะฐานสินเชื่อที่ลดลง แต่ก็ยังต่ำกว่าเป้าหมายผู้บริหารที่ <2.9% ขณะที่อัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ ลดลงเหลือ 138% ในไตรมาส 2/23
มองบวกต่อทิศทางการเติบโตของกำไรปี 2023-24 มากขึ้น
• คุณภาพสินเชื่อของ TTB ยังยืดหยุ่นดีแม้เศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณชะลอตัว ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญในปี 2023 ก็คาดว่าจะต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้
• เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2023-24 ขึ้น 10% หลังจากปรับลดสมมติฐานค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญปี 2023-24 ลงเป็น 125bp จากเดิมที่ 140bp/135bp ตามลำดับ ทำให้ปัจจุบันคาดว่ากำไรสุทธิปี 2023-24 จะโต 17%/9% จากเดิมที่ 6%/8% ตามลำดับ
คงคำแนะนำ "ถือ" แต่เพิ่มมูลค่าพื้นฐานเป็น 1.70 บาท
ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานเป็น 1.70 บาท (จาก 1.50 บาท) เพื่อสะท้อนการปรับเพิ่มประมาณการกำไรและภาพรวม ROE ที่สูงขึ้น เราคำนวณมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี GGM (ROE 7.5%, TG 2%) อิง 0.72x PBV’23E แม้เรายังไม่เห็นประโยชน์ด้านรายได้จากการผนึกกำลังกันหลังการบูรณาการแล้วเสร็จไปเมื่อปี 2019 แต่แนวโน้มการเติบโตของ TTB ยังมีแรงหนุนมาจากการคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมองว่าราคาหุ้นที่ขึ้นมา 14% ตั้งแต่ต้นปีส่วนหนึ่งสะท้อนภาพรวมกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2023 ไปแล้ว จึงแนะนำถือเพราะ upside ที่จำกัด